คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการรวมตัว ของกรดอะมิโนหลากหลายชนิด สามารถพบได้ตามกระดูก กระดูกอ่อน ข้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ ของสัตว์ และ มนุษย์ โดยคอลลาเจนมีส่วนช่วย ในการเสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง และบ่อยครั้งที่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลายตัว ได้กล่าวถึงสรรพคุณว่าคอลลาเจนแก้ปวดเข่าได้ด้วย ดังนั้นเราจะมาลงลึกถึงเรื่องราวของ คอลลาเจนแก้ปวดเข่า ว่ามีคุณสมบัติในการรักษาข้อเข่าเสื่อม อาการปวดหัวเข่า และโรคอื่นๆ เกี่ยวกับกระดูก และ เข่า ได้จริงหรือไม่
- แหล่งที่มาของคอลลาเจนแก้ปวดเข่า
- อาหารเสริมคอลลาเจนสกัดมาจากอะไร คอลลาเจนแก้ปวดเข่า จำเป็นต่อสุขภาพมากแค่ไหน?
- คอลลาเจนแก้ปวดเข่า แก้อาการปวดหัวเข่าได้จริงไหม?
- คอลลาเจนมีผลข้างเคียงไหม
- ไม่อยากทานยาแก้ปวดข้อเข่า และ คอลลาเจนแก้ปวดเข่า สามารถทานอะไร เพื่อบำรุงเข่าได้บ้าง
- เลือกรับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่าแบบไหนดี แทนที่คอลลาเจนแก้ปวดเข่า
แหล่งที่มาของคอลลาเจนแก้ปวดเข่า
คอลลาเจนแบ่งออกได้หลายประเภท แต่ที่เรามักคุ้นเคยกัน และ เป็นคอลลาเจนที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
1. คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Collagen Type 1) เป็นชนิดของคอลลาเจน ที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ถึง 90% พบได้ตามบริเวณผิวหนัง ผนังหลอดเลือด กระดูก เส้นเอ็น เส้นผม เล็บ โดยคอลลาเจนชนิดที่ 1 มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง รักษาบาดแผล และเนื้อเยื่อได้อีกด้วย
2. คอลลาเจนประเภทที่ 2 (Collagen Type 2) เป็นชนิดของคอลลาเจน ที่พบได้ตามเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ มีหน้าที่ในการเสริมสร้างกระดูกอ่อน และ ข้อต่อให้แข็งแรง เพิ่มระดับกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ป้องกันอาการเข่าเสื่อม ข้อเข่ายึด ข้อเข่าฝืด และอาการปวดหัวเข่า โดยส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนแก้ปวดเข่า จะอยู่ในรูปแบบคอลลาเจนประเภทที่ 2 ซึ่งสกัดมาจาก กระดูกอ่อนของสัตว์นั่นเอง
3. คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Collagen Type 3) เป็นชนิดของคอลลาเจน ที่พบได้ตามผิวหนังที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ เช่น ผิวเด็ก ผิวหนังที่เป็นแผล โดยคอลลาเจนประเภทที่ 3 มีส่วนช่วยทำให้ ผิวหนังยืดหยุ่น กระชับ มีส่วนสร้างเส้นเลือด และ เนื้อเยื่อภายในหัวใจอีกด้วย
อาหารเสริมคอลลาเจนสกัดมาจากอะไร คอลลาเจนแก้ปวดเข่า จำเป็นต่อสุขภาพมากแค่ไหน?
อาหารเสริมคอลลาเจน ที่เราเห็นตามท้องตลาด มักจะสกัดมาจาก ปลาทะเลน้ำลึก หนังปลา เกล็ดปลา ครีบปลา กระดูกอ่อนปลา หนังวัว หนังหมู กระดูกวัว เป็นต้น แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่า? โดยปกติแล้วร่างกายคนเราสามารถสร้างคอลลาเจนเองได้โดยอัตโนมัติ และเราได้รับคอลลาเจนเป็นประจำ จากอาหารที่รับประทานเข้าไปทุกวันอยู่แล้ว
อาหารที่มีคอลลาเจนสูง เช่น
- ปลาแซลมอน
- ปลาทูน่า
- เอ็นหมู
- กระดูกอ่อน
- ไก่
- มะเขือเทศ
- แครอท
- ส้ม
- สตรอว์เบอร์รี
- ราสเบอร์รี
- อะโวคาโด
- ผักโขม
- สาหร่ายทะเล
- เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
นอกจากนี้ คอลลาเจนยังมาจากการออกกำลังกายได้ด้วย เพราะการออกกำลังกาย เป็นการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สังเกตได้จากคนที่ชอบออกกำลังกาย จะดูเด็ก และ อ่อนเยาว์เป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเรา จะมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลง โดยอัตโนมัติ สังเกตได้จากผิวของเด็ก และ วัยรุ่น ที่ยังเต่งตึง แต่เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังก็จะเริ่มเหี่ยว มีริ้วรอย แม้แต่ความยืดหยุ่น และ ความแข็งแรงตามข้อต่อต่างๆ ก็จะน้อยลงนั่นเอง
ดังนั้นหากถามว่า “อาหารเสริมคอลลาเจน หรือคอลลาเจนแก้ปวดเข่า จำเป็นต่อสุขภาพมากแค่ไหน?” เราขอตอบว่า “ไม่จำเป็น” เพราะร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองอยู่แล้ว แต่หากใครจะหามาทานเพื่อความสบายใจได้ก็สามารถทานได้เช่นกัน เพราะบางคนที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือไม่สามารถรับประทานอาหารบางชนิดที่มีคอลลาเจนสูงได้ ก็สามารถหาอาหารเสริมคอลลาเจนมาทานได้เช่นกัน ทั้งนี้ต้องระมัดระวังในการเลือกรับประทาน ทั้งวัตถุดิบที่นำมาสกัดและประมาณการรับประทานต่อวันด้วย
คอลลาเจนแก้ปวดเข่า แก้อาการปวดหัวเข่าได้จริงไหม?
หลายคนคงสงสัยว่า คอลลาเจนแก้ปวดเข่า สามารถแก้อาการปวดหัวเข่า อาการเข่าเสื่อม หรือรักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริงไหม เพราะมีหลายผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับคอลลาเจนแก้ปวดเข่า ได้ออกมากล่าวถึงสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ ว่าสามารถรักษาอาการเหล่านี้ได้
จากข้อมูลที่ค้นพบนั้น งานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับคอลลาเจนประเภทที่ 2 (Collagen Type 2) เป็นข้อมูลที่พบเฉพาะงานวิจัยเพื่อการตลาด ของบริษัทขายวัตถุดิบในต่างประเทศ แต่ในทางการแพทย์ยังไม่มีงานวิจัยที่เชื่อถือได้ และมีข้อสังเกตว่า เมื่อรับประทานคอลลาเจนแก้ปวดเข่าเข้าไปแล้ว คอลลาเจนจะถูกย่อยที่กระเพาะ เหมือนการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนทั่วๆ ไป ไม่ได้มีส่วนเข้าไปรักษาข้อเข่าเสื่อม อาการปวดหัวเข่า อาการเข่าเสื่อม หรือบำรุงข้อต่อของกระดูกได้โดยตรง ดังนั้นจึงยังไม่มีข้อสรุปที่แท้จริงว่า คอลลาเจนแก้ปวดเข่า ให้ผลดีในการรักษาโรคได้นั่นเอง
คอลลาเจนมีผลข้างเคียงไหม
หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่กำลังจะตัดสินใจ รับประทานคอลลาเจน ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนเพื่อบำรุงผิวพรรณ หรือ คอลลาเจนแก้ปวดเข่า บำรุงกระดูกและข้อ เราอยากให้ศึกษาถึงข้อดี และ ข้อเสีย ของคอลลาเจนแต่ละยี่ห้อให้ชัดเจน เพราะการรับประทานคอลลาเจน ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถส่งผลข้างเคียงได้ เช่น
1. แพ้สารสกัดจากคอลลาเจน
หากคุณเป็นคนที่แพ้อาหารทะเล แล้วบังเอิญซื้อคอลลาเจนบำรุงผิว หรือ คอลลาเจนแก้ปวดเข่า มารับประทานโดยที่ไม่รู้ว่าคอลลาเจนยี่ห้อนั้น สกัดมาจากสัตว์ชนิดใด ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากคอลลาเจนส่วนใหญ่ สกัดมาจากสัตว์ทะเล เช่น กระดูกอ่อนปลา หอยเป๋าฮื้อ เป็นต้น นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องผูก ท้องเสีย ปวดศีรษะ ผื่นแพ้ที่ผิวหนังได้เช่นกัน
2. เสี่ยงต่อสารปนเปื้อน
อย่างที่บอกไปว่า คอลลาเจนส่วนใหญ่สกัดมาจากสัตว์ทะเล ดังนั้นอาจมีโลหะหนักปนเปื้อนติดมาด้วย เช่น สารตะกั่ว สารปรอท เป็นต้น
3. เสี่ยงต่อการเป็นโรคไต
การรับประทานคอลลาเจนมากเกินไป หรือ รับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ไตทำงานหนักมากขึ้น จากการกรองของเสีย ที่สำคัญคนเป็นโรคไต ห้ามรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนอีกด้วย
4. ร่างกายได้รับแคลเซียมมากเกินไป
การรับประทานคอลลาเจนแก้ปวดเข่า เสี่ยงต่อการที่ร่างกายจะได้รับแคลเซียมมากเกินไป เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนแก้ปวดเข่า จะผสมแคลเซียมลงไปด้วย เมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมมากเกินไปนั้น จึงเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคนิ่วโรคหัวใจ หรือ โรคทางสมองบางชนิดได้
ไม่อยากทานยาแก้ปวดข้อเข่า และ คอลลาเจนแก้ปวดเข่า สามารถทานอะไร เพื่อบำรุงเข่าได้บ้าง
หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่รับประทานยาแก้ปวดข้อเข่า มาเป็นระยะเวลานาน แล้วไม่หายสักที ไม่อยากทานคอลลาเจนแก้ปวดเข่า เพราะเคยทานแล้วไม่ดีขึ้น ไม่อยากเสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในร่างกาย และ ไม่อยากเสี่ยงต่อผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมาด้วย เรามีอีกหนึ่งวิธีแนะนำ นั่นก็คือ การรับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า จากตำรับสมุนไพรที่มีส่วนประกอบ มีงานวิจัยทั้งความปลอดภัย คุณสมบัติในการักษา และสกัดบริสุทธิ์ จะทำให้ไม่มีสารตกค้าง โดยคุณสมบัติของตัวยาในสมุนไพร จะไปยับยั้งการอักเสบที่ตรงจุดกว่า ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแก้ปวดเคมี และ ส่งเสริมกลไกการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติได้ด้วย
เลือกรับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่าแบบไหนดี แทนที่คอลลาเจนแก้ปวดเข่า
นอกจากการเลือกรับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่สกัดจากธรรมชาติ 100% แล้ว เราต้องเลือกรับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า จากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ มีผลวิจัยทางการแพทย์รองรับ ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาข้อเข่าเสื่อม อาการปวดหัวเข่า อาการเข่าเสื่อม หรือบำรุงข้อต่อของกระดูกได้จริง กระบวนการผลิตมาตรฐาน (GMP) ผ่านการรับรองจาก อย. ด้วย เช่น
1. ยากษัยเส้น จากศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ
ยากษัยเส้น เป็นยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาข้อเข่าเสื่อม อาการปวดหัวเข่า อาการเข่าเสื่อม และช่วยบำรุงข้อต่อของกระดูกได้จริง ไม่ว่าจะเป็น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเก๊าท์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมไปถึงหมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกทับเส้น ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น
2. ยาตรีโลก จากศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ
ยาตรีโลก เป็นยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่ควรรับประทานคู่กับยากษัยเส้น เพราะมีประสิทธิภาพ ในการไปช่วยเคลียร์ผนังหลอดเลือดให้โล่ง เช่น ไขมัน ตะกรัน น้ำตาลในเลือด โดยผู้ที่เป็นเบาหวาน น้ำตาลจะลดลงด้วย เมื่อหลอดเลือดไหลเวียนดี ก็จะนำพาตัวยาเข้าแทรกซึม เข้าไปรักษาถึงเส้นประสาทชั้นลึก ช่วยลดไขมันส่วนเกิน ลดการบวมน้ำ เมื่อน้ำหนักตัวเบาขึ้น อาการเข่าเสื่อมที่ทรุดไปทับเส้นประสาท ก็จะดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยแก้อาการชา เหน็บชา ปลายประสาทอักเสบโดยตรง ลดการอักเสบของเส้นประสาท และ กล้ามเนื้อ ไล่ลมในเส้น ที่ส่งผลทำให้ปวดหัวเข่า ปวดหลัง ปวดเอว ปวดหัวนั่นเอง
โดยตัวยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า จากศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ ไม่ต้องรอให้มีอาการก่อน ก็สามารถทานเพื่อบำรุงร่างกายได้เลย ซึ่งเห็นผลชัดกว่าการทานยาแก้ปวดข้อเข่า คอลลาเจนแก้ปวดเข่า และอาหารเสริมอื่นๆ เพราะฟื้นฟูอย่างลงลึก รับประทานระยะยาวได้ ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
3. ไมรอทนาโนสเปรย์ จากศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ
ไมรอทนาโนสเปรย์ เป็นสเปรย์ใช้ภายนอก ซึ่งเป็นนวัตกรรมนาโนโมเลกุล ใหม่ที่สุดในประเทศไทย ลิขสิทธิ์เฉพาะ จากการพัฒนาอนุภาคนาโน NANOPi การกักเก็บสารสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ พัฒนาโดย สวทช. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ทำร่วมกับ ศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ สกัดจากสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น ไพล ขมิ้นชัน ขิง เถาวัลย์เปรียง เป็นต้น มีประสิทธิภาพในการรักษาข้อเข่าเสื่อม อาการปวดหัวเข่า อาการเข่าเสื่อม และช่วยบำรุงข้อต่อของกระดูกได้จริง
ซึ่งผ่านการวิจัยและการตรวจสอบประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน Diclofenac แล้วพบว่า “ตัวอนุภาคนาโนของไมรอทนาโนสเปรย์ มีความสามารถในการยับยั้งการอักเสบได้มากกว่า Diclofenac ถึง 80% นอกจากนี้ยังสามารถต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของอาการปวดเข่า เข่าอักเสบ เข่าเสื่อมได้มากถึง 80% อีกด้วย”
ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากทานยาแก้ปวดข้อเข่าและคอลลาเจนแก้ปวดเข่า สามารถทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่าจากศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ และใช้ไมรอทนาโนสเปรย์ควบคู่ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ต้องเสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในร่างกาย และไม่ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมาด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ