เราเชื่อว่า ไม่มีใครอยากเป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวเข่าแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดหัวเข่า เข่าอักเสบ ข้อเข่าเสื่อม ฯลฯ เพราะหากเกิดโรคเหล่านี้ขึ้นมา จะทำให้ลำบาก ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากเข่าเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุด คอยทำหน้าที่รับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย แม้ว่าบางครั้งอาการปวดหัวเข่า จะมาแบบไม่ตั้งใจ หรืออาจสะสมมาเป็นระยะเวลานาน โดยที่เราไม่รู้ตัว จนกระทั่งกลายเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) ได้ เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นแล้ว จึงก่อให้เกิดความกังวลใจขึ้นมาได้ ดังนั้นหนึ่งในวิธีป้องกัน ไม่ให้ปวดหัวเข่า หรือ เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ก็คือ การรับประทานอาหารบำรุงเข่า ทุกๆ วันนั่นเอง
โรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรทานมีอะไรบ้าง?
หากคุณคือคนหนึ่ง ที่มีปัญหาปวดหัวเข่า เจ็บเข่า หรือ เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรเลือกรับประทาน ควรเป็นอาหารบำรุงหัวเข่าโดยเฉพาะ ซึ่งหาได้ง่ายมากตามท้องตลาดทั่วไป ดังนี้
1. อาหารที่มีแคลเซียมสูง
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุ ที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง เพราะ 99% ของแคลเซียมที่อยู่ในร่างกายนั้น ถูกสะสมอยู่ในกระดูก และ ฟันนั่นเอง ดังนั้นเราจำเป็นต้องรับประทานอาหาร ที่มีแคลเซียมสูง เพื่อบำรุงกระดูกทุกส่วนของร่างกาย รวมไปถึงบำรุงหัวเข่า เพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมอีกด้วย โดยอาหารบำรุงเข่าที่มีแคลเซียมสูง เช่น
- นม หรือ ผลิตภัณฑ์จากนม เพราะนมมีปริมาณแคลเซียมสูง โดยนม 1 กล่อง (250 ซีซี) ให้ปริมาณแคลเซียมถึง 300 มิลลิกรัม และ ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมจากนมได้ดีอีกด้วย
- ถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้ ล้วนมีส่วนช่วยในการป้องกัน โรคกระดูกพรุนได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งคอลลาเจนชั้นดี ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่เลือกรับประทาน ก็สามารถเลือกที่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้ได้
- งาดำ เป็นเมล็ดธัญพืชที่มีแคลเซียมสูง อีกทั้งสามารถเพิ่มมวลกระดูก ป้องกันกระดูกพรุน ต้านการอักเสบของข้อ และ โรคข้อเข่าเสื่อมได้
- อัลมอนด์ อุดมไปด้วยแคลเซียม, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม, แมงกานีส, แมกนีเซียม ฯลฯ ล้วนมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก และ ฟันให้แข็งแรง อีกทั้งช่วยบำรุงเข่า ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูก หรือ ปวดหัวเข่าได้ด้วย แต่ไม่ควรรับประทานอัลมอนด์ ที่ผ่านการปรุงรสชาติ เช่น อัลมอนด์อบเกลือ เพราะมีโซเดียมสูง
- ปลาตัวเล็ก เช่น ปลาข้าวสาร ปลาฉิ้งฉั้ง คือ แหล่งแคลเซียมชั้นดี ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ก็สามารถนำปลาตัวเล็ก มาปรุงเป็นเมนูอาหารบำรุงเข่าได้
2. อาหารที่มีโอเมก้า 3
ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำ ก็คือ อาหารที่มีโอเมก้า 3 เพราะโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ กรดไขมันอีพีเอ (EPA) กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) และ กรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก (ALA) โดยอาหารบำรุงเข่าที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาทะเล, ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า เป็นต้น ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาข้อเข่าเสื่อม โรครูมาตอยด์ ข้อติดแข็ง หรือปวดหัวเข่าได้ด้วย ดังนั้นหากใครที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่เลือกทาน ก็สามารถเลือกเป็นเมนูปลาได้ และ ควรรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง
3. อาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง
เบต้าแคโรทีน มีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย อีกทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อาจทำลายกระดูก และ ข้อได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องรับประทานอาหาร ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งมักจะอยู่ในผักผลไม้ ที่มีสีส้ม เหลือง แดง และผักใบเขียว เช่น ตำลึง บล็อกโคลี ฟักทอง แครอท ข้าวโพด มะเขือเทศ เป็นต้น
4. อาหารที่มีวิตามินซีสูง
วิตามินซีมีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรง อีกทั้งทำหน้าที่กระตุ้น ให้ร่างกายดึงกรดอะมิโนมาใช้ ในการสร้างคอลลาเจน ส่งผลดีต่อเส้นเอ็น กระดูก และข้อนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม จำเป็นต้องรับประทานอาหารบำรุงเข่า ที่มีวิตามินสูง เช่น ส้ม สับปะรด ฝรั่ง มะละกอสุก สตรอว์เบอร์รี เป็นต้น
5. อาหารที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid)
ไบโอฟลาโวนอยด์ หรือ วิตามินพี (Vitamin P) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูดซึมวิตามินซี ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งมีส่วนช่วยบำรุงผนังหลอดเลือด เส้นเลือดฝอยให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดรอยฟกช้ำต่างๆ อาการเข่าบวม อันเกิดมาจากข้อเข่าอักเสบได้ โดยอาหารที่มีไบโอฟลาโวนอยด์สูง เช่น เชอร์รี่, บลูเบอร์รี่, แบล็คเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, แอพริคอต, หัวหอม, มะกรูด มะเขือเทศ เป็นต้น
6. สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย เป็นยาอายุวัฒนะชั้นดี โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรเลือกรับประทาน ควรมีส่วนผสมของสมุนไพรไทยอย่างขิง และ ขมิ้น เพราะมีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเข่า เจ็บหัวเข่า และการอักเสบได้ดี
โรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรเลี่ยงมีอะไรบ้าง?
ผู้ที่มีปัญหา ปวดหัวเข่า เจ็บเข่า หรือ เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังต่อไปนี้
1. อาหารที่มีรสเค็ม
ผู้ที่มีอาการเข่าบวม ปวดหัวเข่า เจ็บหัวเข่า เข่าอักเสบ หรือ โรคข้อเข่าเสื่อม อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ อาหารที่มีส่วนผสมของ เกลือ ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอสปรุงรสต่างๆ รวมไปถึงของหมักดอง และ ขนมอบกรอบ เฟรนฟรายช์ ที่มีปริมาณโซเดียมสูงด้วย เพราะอาหารที่มีรสเค็ม ล้วนทำจะทำให้เซลล์เก็บน้ำไว้มากเกินไป จนเกิดอาการบวมน้ำขึ้นมาได้
2. อาหารที่มีรสหวาน
อีกหนึ่งอาหาร ที่ผู้มีอาการเข่าบวม ปวดหัวเข่า เจ็บหัวเข่า เข่าอักเสบ หรือ โรคข้อเข่าเสื่อม ควรหลีกเลี่ยง นั่นก็คือ อาหารที่มีรสหวาน เพราะรสหวาน จะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยน้ำตาล รวมไปถึงงดรับประทานของหวาน ไอศกรีม และเบเกอรี่ต่างๆ ด้วย
3. อาหารประเภทของมัน ของทอด
เพราะอาหารประเภทของมัน ของทอด จะเพิ่มการอักเสบของกระดูก และ แผลให้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารประเภทของมัน ของทอดที่ไม่ควรรับประทาน เช่น หมูย่าง, หมูทอด, ไก่ย่าง, ไก่ทอด, เฟรนช์ฟราย, ลูกชิ้นทอด, ไส้กรอกทอด เป็นต้น ควรเลือกรับประทานอาหาร ที่ผ่านกรรมวิธีการต้ม นึ่ง หรือตุ๋นจะดีกว่า
4. แป้งขัดขาว
แป้งขัดขาว มีส่วนช่วยกระตุ้นการอักเสบ ของข้อต่อกระดูกมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาหารประเภทแป้งขัดขาวที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ข้าวขัดขาว, ขนมปังขาว, พาสต้า เป็นต้น และควรหันมารับประทาน ข้าวกล้อง, ข้าวกล้องงอก, ข้าวกล้องแดง, ข้าวโอ๊ต, ข้าวบาเล่ย์, ขนมปังโฮลวีท, เผือก, มัน เป็นต้น
5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผู้ที่มีอาการเข่าบวม ปวดหัวเข่า เจ็บหัวเข่า เข่าอักเสบ หรือ โรคข้อเข่าเสื่อม ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีส่วนกระตุ้นให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม และ ยารักษาข้อเข่าเสื่อมที่รับประทานเข้าไป จะเสื่อมประสิทธิภาพด้วย
6. กาแฟ
ผู้ที่ดื่มกาแฟจัด มีโอกาสสูญเสียแคลเซียมได้มาก เนื่องจากในกาแฟมีคาเฟอีน ที่ส่งผลให้แคลเซียมถูกขับออกทางปัสสาวะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน และ เป็นผู้สูงอายุ ยิ่งมีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม และ กระดูกพรุนได้ จากการดื่มกาแฟปริมาณมากๆ นั่นเอง
การรักษาข้อเข่าเสื่อมทำได้กี่วิธี
นอกจากการรับประทานอาหารบำรุงหัวเข่าแล้ว การรักษาข้อเข่าเสื่อมยังทำได้อีกหลายวิธี ดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เช่น ไม่เล่นกีฬาที่ต้องใช้กำลังขา หรือ กำลังเข่าหนักๆ ไม่ก้มถูพื้น ไม่ยืนนิ่งๆ นานๆ ไม่นั่งคุกเข่า นั่งยอง นั่งขัดสมาธิ หรือ นั่งพับเพียบ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
2. รับประทานยาแก้ปวดหัวเข่า
เช่น ยาพาราเซตามอล ยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดหัวเข่า หรือ การอักเสบของกล้ามเนื้อได้ ทั้งนี้ไม่ควรรับประทานยา ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้ร่างกายดื้อยา ต้องเพิ่มปริมาณยามากกว่าเดิม และเสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในร่างกายอีกด้วย
3. ลดน้ำหนัก
ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักเกินมาตรฐาน ซึ่งน้ำหนักเกินนั้น มีส่วนทำให้หัวเข่า แบกรับน้ำหนักของร่างกายมากเกินไปนั่นเอง ดังนั้นการลดน้ำหนักจึงเป็นหนึ่งในการรักษาข้อเข่าเสื่อมได้ด้วย
4. การฉีดยา
การฉีดยาเป็นการรักษาข้อเข่าเสื่อม ที่ช่วยให้อาการปวดหัวเข่าดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นการรักษาเพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการสะสมของสารเคมี และอาจมีโอกาสที่เข่าจะเสื่อมมากกว่าเดิมอีกด้วย
5. การผ่าตัด
การผ่าตัด เป็นการรักษาข้อเข่าเสื่อม ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อมระยะสุดท้าย สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้านเดียว การผ่าตัดปรับแนวข้อ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการ ทั้งนี้การผ่าตัดยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้ด้วย เช่น มีเลือดออกในข้อต่อ เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ฯลฯ ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาและต้องได้รับการดูแลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
6. การรับประทานยาสมุนไพร
การรับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่มีส่วนผสม ของสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น เถาวัลย์เปรียงแดง, เถาวัลย์เปรียงขาว, ทองพันชั่งดอกเหลือง, กำแพงเจ็ดชั้น, กำลังวัวเถลิง ฯลฯ ล้วนมีส่วนช่วยในการรักษาข้อเข่าเสื่อม อาการปวดหัวเข่า เข่าอักเสบ เจ็บเข่า กระดูกเสื่อม ฯลฯ
โดยผู้ป่วยควรเลือก รับประทานยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่สกัดจากธรรมชาติ 100% เพราะจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีตกค้างในร่างกาย หรือ ผลข้างเคียงใดๆ ยกตัวอย่างเช่น “ยากษัยเส้น และ ยาตรีโลก โดยศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ” ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริง รวมไปถึงรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกทับเส้น และ โรคเกี่ยวกับเข่า ข้อ เส้นเอ็นทั้งร่างกาย
อีกทั้งช่วยเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในข้อเข่า ทำให้อาการอักเสบลดน้อยลง ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ดียิ่งขึ้น กระดูกแข็งแรงขึ้น ไม่ปวดตามกระดูก และ กล้ามเนื้อ ที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีตกค้างในร่างกายอีกด้วย โดยสองตัวยาสมุนไพรนี้ เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ของศูนย์แพทย์แผนไทยหมออรรถวุฒิ ถูกวิจัย และ คิดค้นโดยแพทย์แผนไทย และ เภสัชผู้เชี่ยวชาญ เป็นสมุนไพรแก้ปวดเข่า รักษาข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับการไว้วางใจมาอย่างยาวนาน
7. ใช้ยาภายนอก
การใช้ยาภายนอก เป็นอีกหนึ่งวิธี บรรเทาอาการปวดหัวเข่าได้ แต่หากจะให้รักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริงนั้น มีให้เลือกน้อยมาก แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ได้พัฒนา NANOPi อนุภาคนาโน การกักเก็บสารสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ร่วมกับ สวทช. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คิดค้น “ไมรอทนาโนสเปรย์” (Mirott Nano Spray) สเปรย์สมุนไพรแก้ปวดเข่า ที่สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริง ผ่านการวิจัย และ ตรวจสอบประสิทธิภาพแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน Diclofenac ซึ่งพบว่า “ตัวอนุภาคนาโน ของไมรอทนาโนสเปรย์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบ ได้มากกว่า Diclofenac ถึง 80% เลยทีเดียว อีกทั้งสามารถต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม ปวดหัวเข่า และเข่าอักเสบได้มากถึง 80% อีกด้วย”
โดยไมรอทนาโนสเปรย์ ถูกผลิตด้วยนวัตกรรมนาโนโมเลกุล สกัดจากสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น ไพล, ขมิ้นชัน, ขิง, เถาวัลย์เปรียง ฯลฯ ตามที่เราเคยกล่าวไปข้างต้นว่า สมุนไพรเหล่านี้ส่งผลดีต่อการรักษาข้อเข่าเสื่อม อีกทั้งผู้ที่ไม่ได้เป็นข้อเข่าเสื่อมก็ใช้ได้ เพราะเป็นการป้องกัน และ ดูแลหัวเข่าไปในตัว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ