ปวดหน้าแข้ง อาการยอดฮิต ในหมู่นักวิ่ง ไม่อยากเป็น ต้องอ่าน!

ปวดหน้าแข้ง เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะพบบ่อยสุดในหมู่นักวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งหน้าเก่า หรือ หน้าใหม่ ซึ่งเรียกกันว่า “โรคกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ” (Shin Splints) จะมีอาการเจ็บ ปวด กล้ามเนื้อหน้าแข้ง อักเสบ ขาอ่อนแรง ขาชา ฯลฯ หากคุณเป็นนักวิ่ง หรือ ชอบเล่นกีฬา ใช้แรงขาอย่างหักโหม ก็สามารถเกิดอาการปวดหน้าแข้งได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้อาการปวดหน้าแข้งเวลาวิ่ง จนกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ สามารถรักษาให้หายได้ และป้องกันได้ ด้วยหลากหลายวิธี

นี่คือสาเหตุ ที่ทำให้คุณปวดหน้าแข้ง

อาการปวดหน้าแข้ง เกิดจากการอักเสบ ของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เยื่อหุ้มกระดูก รอบๆ กระดูกหน้าแข้ง โดยอาการปวดหน้าแข้ง มีทั้งปวดหน้าแข้งด้านหน้า (Anterior Shin Splints) และ ปวดหน้าแข้งด้านใน (Medial Shin Splints) ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหน้าแข้ง หรือ กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ มีดังต่อไปนี้

1. วิ่งหักโหมจนเกินไป เช่น วิ่งนาน วิ่งเร็ว เพิ่มระยะทางการวิ่งมากเกินไป
2. วิ่งบนพื้นที่ไม่เรียบ
3. วิ่งผิดท่า เช่น วิ่งหันปลายเท้าออกด้านนอกมากเกินไป  วิ่งลงน้ำหนักลงขา หรือ สะโพกข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป
4. ยืดกล้ามเนื้อขาน้อยเกินไป หรือ ไม่ยืดกล้ามเนื้อขาก่อนวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย จึงทำให้ปวดหน้าแข้งเวลาวิ่งได้
5. เลือกสวมรองเท้าไม่เหมาะสม เช่น ไม่เหมาะกับรูปเท้า หลวม หรือ คับเกินไป สวมรองเท้าผิดประเภทกีฬาที่เล่น พื้นรองเท้าแข็ง เป็นต้น
6. กล้ามเนื้อขาไม่แข็งแรง
7. มีความผิดปกติที่เท้า เช่น เท้าแบน ทำให้มีโอกาสเส้นกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ ตึง มากกว่าคนปกติทั่วไป

ปวดหน้าแข้งแบบไหน ต้องไปหาหมอด่วน

โดยปกติแล้ว อาการปวดหน้าแข้ง หรือ หน้าแข้ง อักเสบ จะรู้สึกปวดบริเวณหน้าแข้ง ปวดกล้ามเนื้อทั่วไป กดแล้วเจ็บ ปวดตุบๆ ตามจังหวะชีพจร แต่อาการปวดหน้าแข้ง ไม่ได้รุนแรงมากนัก หากพักการวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย แล้วประคบเย็น ประมาณ 2 – 3 วัน อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่มีอาการปวดหน้าแข้ง เกิน 3 วัน และมีอาการตามด้านล่างนี้ เราแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด เพราะอาจเกิดภาวะกระดูกร้าว หรือ โรคอื่นๆ ได้

• ปวดหน้าแข้งอย่างรุนแรง เมื่อได้รับอุบัติเหตุจากการวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย
• หน้าแข้ง อักเสบ บวม อย่างเห็นได้ชัด
• มีแผล
• มีรอยช้ำ
• รู้สึกร้อนวูบวาบภายในหน้าแข้ง
• รู้สึกชา ขาล้า อ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้
• มีไข้ร่วมด้วย

ข้อควรปฏิบัติ เมื่อมีอาการปวดหน้าแข้ง

อาการปวดหน้าแข้งเวลาวิ่ง หรือ เล่นกีฬา สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเราจำเป็นต้องทราบ ถึงข้อควรปฏิบัติ เมื่อมีอาการปวดหน้าแข้ง หรือ กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ หากปฏิบัติติตามนี้ อย่างไรแล้วอาการปวดหน้าแข้ง จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

1. หยุดพักจากการวิ่ง หรือ พักจากการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้แรงขาหนัก ประมาณ 2 สัปดาห์ หรือ จนกว่าจะหายดี
2. ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวดหน้าแข้ง หน้าแข้ง อักเสบ บวมได้ โดยให้ประคบเย็น ประมาณ 15 – 20 นาที ทุก 2 ชั่วโมง ทั้งนี้อุปกรณ์ประคบเย็น เช่น Ice Pack, เจลทำความเย็น หรือ น้ำแข็ง จำเป็นต้องห่อผ้าเอาไว้ ไม่ให้อุปกรณ์ประคบเย็น สัมผัสผิวหนังโดยตรง
3. ห้ามประคบร้อน เพราะจะทำให้หน้าแข้ง อักเสบ มากยิ่งขึ้น
4. ใช้สเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการร่วมด้วย 
5. ใช้ผ้าพันหน้าแข้ง บริเวณที่ปวด หรือ บวม
6. ยกขาสูง เพื่อให้เลือดหมุนเวียนได้อย่างสะดวก และ ลดบวม จากอาการหน้าแข้ง อักเสบ
7. เมื่อหายปวดหน้าแข้งแล้ว ก่อนวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย ควรยืดกล้ามเนื้อขาให้เพียงพอ
8. ยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ และ เส้นเอ็น เป็นประจำ เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงอยู่เสมอ
9. วิ่งในระยะทางที่เหมาะสม ไม่หักโหมในการวิ่ง หรือ ออกกำลังกายมากเกินไป
10. หลีกเลี่ยงการวิ่ง บนพื้นผิวขรุขระ
11. หากรู้สึกปวดหน้าแข้งเวลาวิ่ง ไม่ควรฝืนวิ่งต่อไป เพราะจะทำให้หน้าแข้ง อักเสบมากขึ้น
12. เลือกสวมรองเท้าวิ่ง ที่เหมาะสมกับรูปเท้าตัวเอง พื้นหนา ไม่ลื่น รองรับแรงกระแทกได้ดี
13. หากมีปัญหาเท้าแบน ควรเสริมส้นรองเท้าด้านใน หรือ ตัดรองเท้าพิเศษ ที่เหมาะกับเท้าของตัวเอง
14. ทานยาแก้ปวด หรือ ยาลดการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือ เลือกทานยาสมุนไพรแก้ปวดขา กล้ามเนื้อ ระยะยาว เพื่อรักษา และ บำรุงกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นได้
15. รับประทานอาหาร ที่มีแคลเซียม และ วิตามินดีสูง เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และ เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก

4 ท่ายืดกล้ามเนื้อขา ทำตามง่าย ทำได้ทุกวัน

การยืดกล้ามเนื้อขา จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และ เส้นเอ็น ช่วยลดการบาดเจ็บจากการวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ปวดหน้าแข้ง กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ ได้อีกด้วย โดยเราขอแนะนำ 4 ท่ายืดกล้ามเนื้อขา ที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ เป็นประจำทุกวัน ก่อนออกกำลังกาย ดังนี้

ท่ายืดกล้ามเนื้อขา 1

เดินด้วยการใช้ส้นเท้า 15 วินาที สลับเดินปกติ 15 วินาที ทั้งหมด 5 เซ็ต วันละ 3 ครั้ง

ท่ายืดกล้ามเนื้อขา 2

ยืนตัวตรง แล้วงอเข่าข้างหนึ่ง ไปด้านหลัง จากนั้นใช้มือฝั่งตรงข้าม จับที่ข้อเท้า แล้วดึงต้นขาไปด้านหลัง ค้างไว้ประมาณ 15 – 30 วินาที แล้วสลับข้าง โดยให้ซ้ำ 3 – 5 ครั้งต่อข้าง ขณะทำจะรู้สึกตึงต้นขาด้านหน้า

ท่ายืดกล้ามเนื้อขา 3

ใช้ Foam Roller ช่วย โดยวาง Foam Roller ไว้ที่พื้น จากนั้นนอนคว่ำตัวลง ยกตัวสูงขึ้น แล้วเอามือทั้ง 2 ข้างยันพื้นไว้  จากนั้นใช้หน้าแข้ง คลึงกับ Foam Roller ไปยันข้อเท้า เพื่อยืดกล้ามเนื้อขา โดยคลึงซ้ำไปมาข้างละประมาณ 2 นาที 

ท่ายืดกล้ามเนื้อขา 4

ยืนตัวตรงขาชิด หันหน้าเข้ากำแพง โดยยืนห่างจากกำแพงพอประมาณ จากนั้นก้าวเท้าข้างใดข้างหนึ่ง ขึ้นมาข้างหน้า แล้วย่อเข่าลง ให้เข่าตั้งฉาก ส่วนขาอีกข้าง ให้ยืดไปข้างหลัง ฝ่าเท้าชิดติดพื้น จนรู้สึกว่าน่องตึง จากนั้นใช้มือทั้ง 2 ข้างดันผนังไว้ แล้วค้างท่าไว้ประมาณ 20 วินาที แล้วค่อยสลับข้าง ทำประมาณ 5 เซ็ต

รู้ไหม? ยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน ช่วยแก้ปวดหน้าแข้ง แค่ปลายเหตุ แต่ยาสมุนไพร ช่วยหายลึก ถึงต้นตอ

ยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน ช่วยแก้ปวดแค่ปลายเหตุ แต่ยาสมุนไพรแก้ปวดขา ช่วยแก้ปวดหน้าแข้งแบบหายลึก ถึงต้นตอ สาเหตุที่เรากล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า ยาแผนปัจจุบัน เป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็ว เน้นการรักษาแค่ปลายเหตุ เมื่อหมดฤทธิ์ยาก็มีโอกาสกลับมาปวดหน้าแข้งได้เหมือนเดิม ไม่ได้ช่วยปรับสมดุลภายในให้อาการปวดดีขึ้น อย่างแท้จริง หากทานบ่อยๆ ทานติดต่อกันนาน ก็อาจส่งผลเสียต่ออวัยวะอื่นได้ เช่น กระเพาะ ตับ ไต หลอดเลือด แต่ยาสมุนไพรแก้ปวดขา มีประสิทธิภาพรักษา ฟื้นฟูอาการ จากต้นเหตุภายใน ลึกถึงแก่นของโรคกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ ไม่กัดกระเพาะ ทานระยะยาวได้

โดยเฉพาะ “ยาสมุนไพรแก้ปวดขา ปวดเข่า จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ” สูตรพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะ หมออรรถวุฒิ วิจัย และ คิดค้นโดยแพทย์แผนไทย และ เภสัชกร อุดมไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ กระบวนการผลิตมาตรฐานสูง (GMP) มี อ.ย. รับรองถึงประสิทธิภาพ มีงานวิจัยรองรับ ที่สำคัญคือได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “ยา” แสดงถึงการรักษาโรคได้ ผ่ายกรรมวิธีสกัดบริสุทธิ์ ไม่ใช้ตัวทำละลายเคมี ทำให้ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง จึงไม่ต้องเสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งกลไกหน้าแข้ง อักเสบได้อย่างลงลึก ส่งเสริมกันทุกกลไก ไม่ว่าจะเป็น COX2 , IL1 , TNF, PGE, อนุมูลอิสระ ฯลฯ ซึ่งประกอบไปด้วย ยาสมุนไพรแก้ปวดขา 3 ตัว ที่ช่วยออกฤทธิ์เสริมกัน ดังนี้

1. ยากษัยเส้น

“ยากษัยเส้น หมออรรถวุฒิ” เป็นยาสมุนไพรแก้ปวดขา ปวดเข่า ปวดหน้าแข้ง ซึ่งแตกต่างจากยาแก้ปวดทั่วไป เพราะมีส่วนช่วยรักษาข้อ กระดูก เส้นเอ็น กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ อย่างลงลึกถึงภายใน ไม่ใช่ยาแก้ปวด หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อ แบบยาแผนปัจจุบัน ที่แก้ที่ปลายเหตุ แต่จะไปฟื้นฟูจากต้นเหตุภายใน ที่เป็นปัญหา ให้เซลล์ภายในแข็งแรง เป็นปกติได้เองตามธรรมชาติ มีงานผลการวิจัยรองรับ ถึงประสิทธิภาพในการรักษา โดยยากษัยเส้น หมออรรถวุฒิ ประกอบไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรเข้มข้น หลากหลายชนิด เช่น

• เถาวัลย์เปรียงแดงสกัด
• เถาวัลย์เปรียงขาวสกัด
• แก่นฝางสกัด
• โด่ไม่รู้ล้มสกัด
• เถาเอ็นอ่อนสกัด
• ทองพันชั่งดอกเหลืองสกัด
• โคคลานสกัด ฯลฯ

2. ยาตรีโลก

“ยาตรีโลก หมออรรถวุฒิ” เป็นยาสมุนไพรแก้ปวดขา ปวดหน้าแข้ง ที่ทานคู่กับยากษัยเส้น ออกฤทธิ์เสริมกัน เนื่องจากส่วนประกอบของสมุนไพร ที่ถูกสกัดอย่างเข้มข้น ภายในยาตรีโลก จะช่วยเข้าไปเคลียร์ผนังหลอดเลือด ไล่ลมในเส้นทั้งหมดในร่างกาย ตามหลักแพทย์แผนไทย ทำให้อาการปวดหน้าแข้งดีขึ้น เพราะกระดูก ข้อ เส้นเอ็น เส้นประสาท และลม มีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ตามหลักแพทย์แผนไทย เมื่อไหร่ที่ปวด จึงจำเป็นต้องไล่ลมในเส้นด้วย ซึ่งประสิทธิภาพของยาตรีโลก จะแทรกซึม เข้ารักษาอาการปวดหน้าแข้ง ถึงเส้นประสาทชั้นลึกได้ โดยยาตรีโลก สกัดจากสมุนไพรรักษาอาการปวดหัวเข่า หลากหลายชนิด เช่น

• สารสกัดสมอทั้ง 5 (สมอไทย สมอภิเพก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล)
• ดีปลีสกัด
• ขิงแห้งสกัด
• เจตมูลเพลิงสกัด
• กระวานเทศสกัด
• แก่นแสมสารสกัด
• ทองพันชั่งดอกขาวสกัด
• ทองพันช่างดอกเหลืองสกัด เป็นต้น

3. ไมรอทนาโนสเปรย์ (Mirott Nano Spray)

เมื่อไหร่ที่ปวดหน้าแข้งเวลาวิ่ง ให้นึกถึง “ไมรอทนาโนสเปรย์” เพราะนี่คือสเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อ ที่สกัดจากสมุนไพรมากถึง 7 ชนิด เช่น ไพล ขมิ้นชัน ขิง เถาวัลย์เปรียง ฯลฯ รักษาอาการปวดหัวหน้าแข้ง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเข่า ปวดข้อ เส้นเอ็น ฯลฯ เป็นนวัตกรรมนาโนโมเลกุล ใหม่ล่าสุดของไทย ด้วยการพัฒนาอนุภาคนาโน NANOPi การกักเก็บสารสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ พัฒนาโดย สวทช. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จึงทำให้ไมรอทนาโนสเปรย์ แตกต่างจากสเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อทั่วไป เพราะไม่ได้ผสมเมนทอล หรือ ยูคาลิปตัส ที่ให้ความรู้สึกร้อน – เย็น ชั่วคราว แต่ตัวยาจะออกฤทธิ์ได้อย่างตรงจุด ซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึก จึงทำให้อาการปวดหน้าแข้งดีขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ ครบทุกกลไก ลึกถึงแก่นของโรค

มีผลการวิจัย และ การตรวจสอบประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน Diclofenac แล้วพบว่า “ตัวอนุภาคนาโนของ ไมรอทนาโนสเปรย์ มีความสามารถในการยับยั้งการอักเสบ ได้มากกว่า Diclofenac ถึง 80% และยับยั้ง Cox2 , PGE , IL1 , TNF และ อนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหน้าแข้ง กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ” หากใช้ประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยยับยั้งกลไกกล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ ให้ซ่อมแซมเซลล์ เติมเต็มตนเอง ได้ตามธรรมชาติอีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ