อายุ 40 ปวดเข่า อย่าเพิ่งรีบ! ผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม

แชร์ได้เลยค่ะ

หากคุณเพิ่งจะอายุ 40 ปวดเข่า ปวดภายข้อในข้อเข่า หรือรู้สึกปวดแปล๊บๆ ขึ้นมาบางเวลา ส่วนใหญ่มักจะไม่ถึงขั้นข้อเข่าเสื่อม แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกร หรือ พบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัย และอย่าเพิ่งตัดสินใจรีบผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เพราะการผ่าตัด เหมาะสำหรับอาการปวด เข่า ใน ผู้ สูงอายุ ที่มีมานาน โดยเฉพาะผู้สูงวัย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รักษาข้อเข่าเสื่อมมานานแล้ว แต่ไม่ดีขึ้น โดยการผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม มีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบจะเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องนี้กัน

ผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เหมาะสำหรับผู้สูงวัย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รักษาข้อเข่าเสื่อมมานาน แต่อาการไม่ดีขึ้น

อาการเข่าเสื่อม ระยะไหน ถึงขั้นต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม

อาการเข่าเสื่อม ระยะไหน ถึงขั้นต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม
ระยะที่ 1 (อาการเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้น) : สามารถรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เพราะกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า สูญเสียไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังใช้ข้อเข่าได้ตามปกติอยู่ 

ระยะที่ 2 (อาการเข่าเสื่อมเล็กน้อย) : อาการปวด เข่า ใน ผู้ สูงอายุ เป็นประจำ ถือว่าเข้าสู่การเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้ว โดยกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าสึกกร่อน และ บางลง รู้สึกปวดข้อเข่า ข้อเข่าฝืด ติดขัดบ้าง เริ่มมีเสียงในข้อเข่า ดังก๊อกแก๊ก เวลาขยับเข่า แต่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ได้ตามปกติ สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อมให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม

ระยะที่ 3 (อาการเข่าเสื่อมปานกลาง) : กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเสื่อมสภาพ และ สึกกร่อนมาก ช่องว่างระหว่างกระดูกข้อเข่าแคบลง กระดูกข้อเข่าเสียดสีกัน จนอักเสบ มีเสียงในข้อเข่า ข้อเข่าฝืดแข็ง เข่าบวม รู้สึกปวดหัวเข่ามาก เดินไม่ค่อยไหว สามารถรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แต่ต้องใช้ระยะเวลารักษา นานพอสมควร

•	ระยะที่ 4 (อาการเข่าเสื่อมเรื้อรัง) : มักเกิดกับผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าสึกกร่อน เกิน 60% แล้ว มีกระดูกงอกบริเวณขอบข้อขนาดใหญ่ ปวดข้อเข่ามาก เกิดเสียงในเข่าข้อเข่า ข้อเข่าติด ขัด ฝืด หรือ ข้อเข่าชิดติดกัน จนข้อเข่าผิดรูป เดินไม่ค่อยไหวแล้ว หรือ อาจไม่สามารถเดินได้เลย หากรับประทานยาแก้ปวดข้อเข่า ฉีดยาเข้าข้อเข่า แล้วยังไม่หาย ก็จำเป็นต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม

อาการเข่าเสื่อม มีทั้งหมด 4 ระยะด้วยกัน ดังนั้นอาการเข่าเสื่อม ไขข้อกระดูกเสื่อม หรือ ปวด เข่า ใน ผู้ สูงวัย ไม่จำเป็นต้องรักษา ด้วยการผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เสมอไป โดยอาการเข่าเสื่อม แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 (อาการเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้น) : หากคุณอายุ 40 ปวดเข่า ขณะเคลื่อนไหวร่างกาย อาจหมายถึงการเริ่มต้น เข้าสู่การเป็นข้อเข่าเสื่อม โดยข้อเข่าเสื่อมระยะนี้ “สามารถรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม” เพราะกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า สูญเสียไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังใช้ข้อเข่าได้ตามปกติอยู่

แนวทางการรักษาระยะที่ 1 เช่น รับประทานอาหารบำรุงเข่า ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรแก้ปวดเข่า ออกกำลังกาย บริหารข้อเข่า รับประทานยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม เป็นต้น

ระยะที่ 2 (อาการเข่าเสื่อมเล็กน้อย) : อาการปวด เข่า ใน ผู้ สูงอายุ เป็นประจำ ขณะเคลื่อนไหวร่างกาย ถือว่าเข้าสู่การเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้ว ซึ่งอาการเข่าเสื่อมระยะนี้ กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าสึกกร่อน และ บางลง รู้สึกปวดข้อเข่า ข้อเข่าฝืด ติดขัดบ้าง เริ่มมีเสียงในข้อเข่า ดังก๊อกแก๊ก เวลาขยับเข่า แต่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ได้ตามปกติ “สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อมให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม 

แนวทางการรักษาระยะที่ 2 เช่น รับประทานอาหารบำรุงเข่า ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรแก้ปวดเข่า ออกกำลังกาย บริหารข้อเข่า รับประทานยาแก้ปวดข้อเข่า รับประทานยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม เป็นต้น

ระยะที่ 3 (อาการเข่าเสื่อมปานกลาง) : ข้อเข่าเสื่อมระยะนี้ เป็นระยะกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเสื่อมสภาพ และ สึกกร่อนมาก ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกข้อเข่าแคบลง กระดูกข้อเข่าเสียดสีกัน จนอักเสบ มีเสียงในข้อเข่า ข้อเข่าฝืดแข็ง เข่าบวม จะรู้สึกปวดหัวเข่ามาก เดินไม่ค่อยไหว “สามารถรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แต่ต้องใช้ระยะเวลารักษา นานพอสมควร”

แนวทางการรักษาระยะที่ 3 เช่น รับประทานยาแก้ปวดข้อเข่า รับประทานยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม รับประทานอาหารบำรุงเข่า ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรแก้ปวดเข่า ออกกำลังกาย บริหารข้อเข่า ฉีดยาเข้าข้อเข่า เป็นต้น

ระยะที่ 4 (อาการเข่าเสื่อมเรื้อรัง) : หากคุณอายุ 40 ปวดเข่า แล้วไม่ดูแลตัวเอง ไม่รักษาอาการปวดข้อเข่า มาตั้งแต่ต้น อาการปวดข้อเข่าธรรมดา ก็จะพัฒนาจนกลายเป็น ข้อเข่าเสื่อมเรื้อรังได้ โดยอาการเข่าเสื่อมระยะนี้ มักเกิดกับผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าสึกกร่อน เกิน 60% แล้ว มีกระดูกงอกบริเวณขอบข้อขนาดใหญ่ ปวดข้อเข่ามาก เกิดเสียงในเข่าข้อเข่าเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย ข้อเข่าติด ขัด ฝืด หรือ ข้อเข่าชิดติดกัน จนข้อเข่าผิดรูป เดินไม่ค่อยไหวแล้ว หรือ อาจไม่สามารถเดินได้เลย หากรับประทานยาแก้ปวดข้อเข่า ฉีดยาเข้าข้อเข่า หรือทำอย่างไรอาการก็ไม่หาย “ก็จำเป็นต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม”

แนวทางการรักษาระยะที่ 4 นอกจากการผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อมแล้ว จำเป็นต้องบำรุงสุขภาพ อย่างต่อเนื่องร่วมด้วย เช่น รับประทานยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม รับประทานอาหารบำรุงเข่า ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรแก้ปวดเข่า ทำกายภาพบำบัด บริหารข้อเข่า เป็นต้น

อาการเข่าเสื่อม เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการเข่าเสื่อม เกิดจากอะไรได้บ้าง
1. มีพฤติกรรมการใช้งานข้อเข่าหนัก เป็นประจำ เช่น ทำงานแบกหาม ยกของหนัก
2. มีพฤติกรรมการพับ บิด งอข้อเข่า เป็นประจำ เช่น นั่งพับเพียบนาน นั่งยองถูพื้น นั่งยองขายของ นั่งขัดสมาธินาน
3. มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารมากเกินไป จนน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นโรคอ้วน ทำให้ข้อเข่าแบกรับน้ำหนักตัว มากเกินไป กลายเป็นข้อเข่าเสื่อมได้
5. เล่นกีฬา ที่มีการใช้ข้อเข่า อย่างหนัก เช่น วิ่ง กระโดดเชือก ฟุตบอล เทนนิส เวคบอร์ด บาสเก็ตบอล เป็นต้น
6. น้ำไขข้อแห้ง ผิวข้อเข่ากระดูกอ่อน เสียดสีบ่อย จนกลายเป็นข้อเข่าเสื่อม
ปวดข้อเข่า ข้อเข่าอักเสบ แล้วปล่อยไว้ ไม่รักษา หากเกิดถี่มากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อน้ำไขข้อ ลดลงเรื่อยๆ และการเหนี่ยวนำทำลายตัว ของผิวกระดูกอ่อน กลายเป็นข้อเข่าเสื่อม
7. เป็นโรคไขข้ออักเสบบางชนิด เช่น โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยท์ ก็จะส่งผลให้มีอาการเข่าเสื่อม ได้เช่นกัน
8. ไขข้อกระดูกเสื่อม เซลล์ไขข้อ เม็ดเลือดขาว เกิดหลั่งสารอักเสบ เพิ่มหลายเท่า บางคนจึงเกิดเข่าบวมน้ำ จับดูแล้วเป็นถุงน้ำนิ่มๆ ร่วมด้วย
9. อายุ ที่มีส่วนทำให้อาการเข่าเสื่อม เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

หากคุณอายุ 40 ปวดเข่า แล้วไม่รักษา ระวังจะพัฒนามาเป็น ข้อเข่าเสื่อมได้ ดังนั้นนอกจากอายุ ที่เป็นสาเหตุของข้อเข่าเสื่อมโดยธรรมชาติได้แล้ว หากคุณมีพฤติกรรมการใช้เข่า ตามที่เรานำมาบอก แนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ซะ เพื่อจะได้มีข้อเข่าที่แข็งแรง อยู่คู่กับตัวเองไปนานๆ ไม่ต้องกังวลว่า จะต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อมในอนาคต โดยอาการเข่าเสื่อม มีสาเหตุมาจาก

  1. มีพฤติกรรมการใช้งานข้อเข่าหนัก เป็นประจำ เช่น ทำงานแบกหาม ยกของหนัก
  2. มีพฤติกรรมการพับ บิด งอข้อเข่า เป็นประจำ เช่น นั่งพับเพียบนาน นั่งยองถูพื้น นั่งยองขายของ นั่งขัดสมาธินาน
  3. มีพฤติกรรมการรับประทานอาหาร มากเกินไป จนน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นโรคอ้วน ทำให้ข้อเข่าแบกรับน้ำหนักตัว มากเกินไป กลายเป็นข้อเข่าเสื่อมได้
  4. เล่นกีฬา ที่มีการใช้ข้อเข่า อย่างหนัก เช่น วิ่ง กระโดดเชือก ฟุตบอล เทนนิส เวคบอร์ด บาสเก็ตบอล เป็นต้น
  5. น้ำไขข้อแห้ง ผิวข้อเข่ากระดูกอ่อน เสียดสีบ่อย จนกลายเป็นข้อเข่าเสื่อม
  6. ปวดข้อเข่า ข้อเข่าอักเสบ แล้วปล่อยไว้ ไม่รักษา หากเกิดถี่มากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อน้ำไขข้อ ลดลงเรื่อยๆ และการเหนี่ยวนำทำลายตัว ของผิวกระดูกอ่อน กลายเป็นข้อเข่าเสื่อม
  7. เป็นโรคไขข้ออักเสบบางชนิด เช่น โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยท์ ก็จะส่งผลให้มีอาการเข่าเสื่อม ได้เช่นกัน
  8. ไขข้อกระดูกเสื่อม เซลล์ไขข้อ เม็ดเลือดขาว เกิดหลั่งสารอักเสบ เพิ่มหลายเท่า บางคนจึงเกิดเข่าบวมน้ำ จับดูแล้วเป็นถุงน้ำนิ่มๆ ร่วมด้วย
  9. อายุ ที่มีส่วนทำให้อาการเข่าเสื่อม เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

รูปแบบการผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เลือกแบบไหน แตกต่างกันอย่างไร

รูปแบบการผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เลือกแบบไหน แตกต่างกันอย่างไร
ผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แบบส่องกล้อง (Arthroscopic Surgery) : แพทย์จะทำการเจาะรูเล็กๆ ที่ข้อเข่า แล้วสอดกล้องขนาดเล็ก พร้อมเครื่องมือเข้าไป แผลผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อมมีขนาดเล็ก สามารถใช้รักษาผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกฉีกขาด เอ็นไขว้หน้า เอ็นไขว้หลังฉีกขาด ตัดพังผืดในข้อเข่า ดูดเศษเนื้อเยื่อในเข่าออก ได้ด้วย
ผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แบบเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement) : เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อม ปวดข้อเข่ามาก จนเดินไม่ได้ ซึ่งเป็นการผ่าตัดเอาผิวไขข้อกระดูกเสื่อมสภาพออก แล้วใส่ผิวข้อเข่าใหม่ ที่เป็นวัสดุทางการแพทย์เข้าไปแทน อย่างโลหะและโพลิเมอร์ แต่การเปลี่ยนข้อเข่าเทียม จะอยู่ได้ประมาณ 20 ปี เท่านั้น จึงเหมาะกับผู้สูงวัย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะอุปกรณ์ที่ใส่ มีโอกาสสึกหรอได้ หากอายุ 40 ปวดเข่า ก็อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เพราะมีโอกาสที่จะต้องเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่อีกรอบ
ผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แบบปรับแนวข้อเข่า (High Tibial Osteotomy) : เป็นการรักษาข้อเข่าเสื่อม สำหรับผู้ที่มีข้อเข่าโก่ง จนข้อเข่าเสื่อม ซึ่งการผ่าตัดปรับแนวข้อเข่า จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์นําวิถี (Navigation Assisted Surgery) ในการผ่าตัด เพื่อให้ข้อเข่ามีการกระจายน้ำหนัก เท่ากันทุกส่วน

การผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม ถือว่า มีความเสี่ยงสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อมระยะสุดท้าย มีอาการปวดข้อเข่าอย่างรุนแรงมานาน และไม่สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อม ด้วยวิธีไหนได้แล้ว หากอายุ 40 ปวดเข่าขึ้นมา ก็อย่าเพิ่งวิตกกังวลว่า จะเป็นข้อเข่าเสื่อม แล้วต้องผ่าตัดเสมอไป ซึ่งใครจะเหมาะกับการผ่าตัดรูปแบบไหน จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งก่อนการผ่าตัด แพทย์จะทำการวินิจฉัย ด้วยการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น การเอกซเรย์ (X-Ray) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เจาะระบายน้ำในข้อ (Joint Aspiration) ฯลฯ เพื่อนำมาพิจารณา ประกอบการตัดสินใจ ในรูปแบบการผ่าตัด ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น   

  • การผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แบบส่องกล้อง (Arthroscopic Surgery) : แพทย์จะทำการเจาะรูเล็กๆ ที่ข้อเข่า แล้วสอดกล้องขนาดเล็ก พร้อมเครื่องมือเข้าไป ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เห็น ไขข้อกระดูกเสื่อมอย่างชัดเจน แผลผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อมมีขนาดเล็ก นอกจากการผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อมแล้ว การผ่าแบบส่องกล้องนี้ สามารถใช้รักษาผู้ที่เป็นหมอนรองกระดูกฉีกขาด เอ็นไขว้หน้า เอ็นไขว้หลังฉีกขาด ตัดพังผืดในข้อเข่า ดูดเศษเนื้อเยื่อในเข่าออก ได้ด้วย
  • การผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แบบเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement) : การรักษาข้อเข่าเสื่อม ด้วยการผ่าตัดแบบเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อม ปวดข้อเข่ามาก จนเดินไม่ได้ ซึ่งเป็นการผ่าตัดเอาผิวไขข้อกระดูกเสื่อมสภาพออกให้หมด แล้วใส่ผิวข้อเข่าใหม่ ที่เป็นวัสดุทางการแพทย์เข้าไปแทน อย่างโลหะ และ โพลิเมอร์ แต่การเปลี่ยนข้อเข่าเทียม จะอยู่ได้ประมาณ 20 ปี เท่านั้น ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้สูงวัย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะอุปกรณ์ที่ใส่ มีโอกาสสึกหรอได้ หากอายุ 40 ปวดเข่า ก็อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เพราะมีโอกาสที่จะต้องเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่อีกรอบ
  • การผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม แบบปรับแนวข้อเข่า (High Tibial Osteotomy) : เป็นการรักษาข้อเข่าเสื่อม สำหรับผู้ที่มีเข่าเสื่อมเพียงซีกเดียว หรือ ข้อเข่าโก่ง จนข้อเข่าเสื่อม ซึ่งการผ่าตัดปรับแนวข้อเข่า หรือตั้งแนวรับน้ำหนักใหม่ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์นําวิถี (Navigation Assisted Surgery) ในการผ่าตัด เพื่อให้ข้อเข่ามีการกระจายน้ำหนัก เท่ากันทุกส่วน

นอกจากค่าใช้จ่าย ในการรักษาที่ค่อนข้างสูงแล้ว การผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม อาจมีภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด หรือ หลังผ่าตัดได้ เช่น แผลติดเชื้อ อักเสบ เลือดจับตัวเป็นก้อน พังผืดยึด ฯลฯ ดังนั้นจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ และ ขอคำแนะนำ ในแนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อม ตั้งแต่ก่อน และ หลังผ่าตัด รวมถึงต้องทำกายภาพบำบัด และ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัดด้วย

ข้อเข่าเสื่อม ปวด เข่า ใน ผู้ สูงอายุ ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม

อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่า อาการเข่าเสื่อม แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ซึ่ง 3 ระยะแรก ก่อนเข้าสู่อาการเข่าเสื่อมเรื้อรัง สามารถรักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม ซึ่งวิธีรักษาก็ไม่ยากเลย นั่นก็คือ การบำรุงจากภายใน ด้วยการรับประทานอาหารบำรุงเข่า และ ยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อมนั่นเอง โดยเราเราขอหยิบยกเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของยาสมุนไพร มาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย เพราะยาสมุนไพรเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทย มานานแสนนาน อีกทั้งยาสมุนไพรยังเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาโรค ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันก็มีหลากหลายงานวิจัยทางการแพทย์ ออกมารองรับถึงประสิทธิภาพการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรอีกด้วย

ซึ่งยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อมโดยเฉพาะ ที่ได้รับความนิยมมากว่า 30 ปี มีผู้ซื้อซ้ำ และ บอกต่อกันอย่างแพร่หลาย ต้องยกให้ ยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ เนื่องจากตัวยาสกัดจากสมุนไพร 100% เป็นสูตรตำรับที่ลงตัว ครบถ้วน สกัดบริสุทธิ์ ไม่ใช้ตัวทำละลายเคมี ทำให้ได้ผลในการรักษาที่ดี ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ยับยั้งกลไกการเสื่อม อักเสบ ลึก ละเอียด ส่งเสริมกันทุกกลไก COX2 , IL1 , TNF, PGE, อนุมูลอิสระ ฯลฯ สามารถไว้วางใจได้ เพราะมีผลวิจัยทางการแพทย์รองรับ ได้รับการรับรองจาก อย. และมาตรฐานการผลิต GMP ไม่ต้องรอให้เป็นข้อเข่าเสื่อม ก็สามารถทานได้ เพราะมีสรรพคุณในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ล้างพิษของเสียต่างๆ ทำให้ร่างกาย และข้อเข่า ซ่อมแซมตัวเองได้ดีตามธรรมชาติ

ยากษัยเส้น

ยากษัยเส้น หมออรรถวุฒิ ยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม ปวดข้อเข่า เส้นเอ็นข้อเข่าอักเสบ กระดูกทับเส้น หมอนรองกระดูกเสื่อม มีผลวิจัยทางการแพทย์รองรับ

ยากษัยเส้น โดยศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ที่มีสรรพคุณในการรักษาข้อเข่าเสื่อม และ อาการเกี่ยวกับข้อเข่าอื่นๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น แก้ปวดข้อเข่า เส้นเอ็นข้อเข่าอักเสบ ช่วยเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในข้อเข่า ทำให้อาการเข่าอักเสบ เข่าบวม ลดน้อยลง ช่วยทำให้เข่าแข็งแรงขึ้น ดีกว่าการรับประทานคอลลาเจน เพราะคอลลาเจนเข่า เกิดจากการซ่อมแซม เติมเต็ม ตนเองของเซลล์ที่เข่าเราเอง ร่วมกับการบริหารกล้ามเนื้อ ไม่สามารถเติมจากข้างนอกได้ โดยการทานคอลลาเจน จะเหมือนเราทานอาหารโปรตีน เนื้อสัตว์ปกติ ไม่ได้ไปเติมที่ข้อแต่อย่างใด ซึ่งสารสกัดจากสมุนไพรมีงานวิจัย ที่มีกลไกที่พบเฉพาะ ไปส่งเสริม กระตุ้น การสร้างคอลลาเจนจากข้างในได้ ด้วยหลายกลไกประกอบกัน จึงทำให้กระดูกข้อเข่าแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยรักษา โรคเก๊าท์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมไปถึงหมอนรองกระดูกเสื่อม ให้ดีขึ้นด้วย โดยยากษัยเส้น หมออรรถวุฒิ เป็นยาแก้ปวดข้อเข่า ที่สกัดมาจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% เช่น

  • เถาวัลย์เปรียงแดงสกัด
  • เถาวัลย์เปรียงขาวสกัด
  • แก่นฝางสกัด
  • โด่ไม่รู้ล้มสกัด
  • เถาเอ็นอ่อนสกัด
  • ทองพันชั่งดอกเหลืองสกัด
  • โคคลานสกัด

ยาตรีโลก

ยาตรีโลก หมออรรถวุฒิ
ลิขสิทธิ์เฉพาะ เคลียร์ผนังหลอดเลือดให้โล่ง อาการเข่าเสื่อม ดีขึ้นได้ไว
สารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ 100% แทรกซึมเข้าไปรักษา ถึงเส้นประสาทชั้นลึก

ยาตรีโลก เป็นอีกหนึ่งยาสมุนไพรแก้เข่าเสื่อม ที่ช่วยให้อาการเข่าเสื่อมดีขึ้นได้ หากรับประทานคู่กับยากษัยเส้น เนื่องจากสมุนไพรที่นำมาสกัด มีประสิทธิภาพในการ ช่วยเคลียร์ผนังหลอดเลือดให้โล่ง เช่น ไขมัน ตะกรัน น้ำตาลในเลือด เมื่อหลอดเลือดไหลเวียนดี ก็จะนำพาตัวยา เข้าแทรกซึมเข้าไปรักษา ถึงเส้นประสาทชั้นลึก เพราะอาการปวด อักเสบ ตามหลักแพทย์แผนไทย เกิดจาก ลมปลายปัฏฆาต พิษอักเสบ การไหลเวียนเลือดลม ซึ่งตำรับสมุนไพรมีกลไกเฉพาะ ส่งเสริมกระตุ้นการสร้างเติมเต็มที่เสื่อมสึกหรอไป อาการปวดข้อเข่า อาการเข่าเสื่อมที่ทรุดไปทับเส้นประสาท ก็จะดีขึ้น โดยยาตรีโลก หมออรรถวุฒิ เป็นยาแก้ปวดข้อเข่า ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% เช่น

  • สารสกัดสมอทั้ง 5 (สมอไทย สมอภิเพก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล)
  • ดีปลีสกัด
  • ขิงแห้งสกัด
  • เจตมูลเพลิงสกัด
  • กระวานเทศสกัด
  • แก่นแสมสารสกัด
  • ทองพันชั่งดอกขาวสกัด
  • ทองพันช่างดอกเหลืองสกัด

ไมรอทนาโนสเปรย์ (Mirott Nano Spray)

ลดโอกาส ผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม ด้วย ไมรอทนาโนสเปรย์ สเปรย์สกัดสมุนไพร นวัตกรรมนาโนโมเลกุล ซึมลึกผ่านผิวได้ง่าย เข้ารักษาตรงจุด ลงลึกอย่างแท้จริง

“ไมรอทนาโนสเปรย์” สเปรย์แก้ปวดข้อเข่า ที่ใช้รักษาอาการเข่าเสื่อม เจ็บหัวเข่า เอ็นเข่าอักเสบ ฯลฯ โดยไมรอทนาโนสเปรย์ เป็นนวัตกรรมนาโนโมเลกุล ใหม่ล่าสุด ของประเทศไทย ด้วยการพัฒนาอนุภาคนาโน NANOPi การกักเก็บสารสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ พัฒนาโดย สวทช. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สกัดจากสมุนไพรมากถึง 7 ชนิด เช่น ไพลสกัด ขมิ้นชันสกัด ขิงสกัด เถาวัลย์เปรียงสกัด เป็นต้น

เมื่อใช้ไมรอทนาโนสเปรย์ เป็นประจำและต่อเนื่อง อาการเข่าเสื่อม จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยตัวยาจะค่อยๆ ซึมลึก ผ่านผิวอย่างตรงจุด ทำให้การรักษาเข่าเสื่อม เข้าถึงแบบลงลึก ซึ่งแตกต่างจากยาทาแก้ปวดข้อเข่า หรือ สเปรย์แก้ปวดข้อเข่า ทั่วไปตามท้องตลาด ที่ผสมเมนทอล หรือ ยูคาลิปตัส ให้รู้สึกร้อน – เย็น ชั่วคราว แต่ไม่ทำให้อาการเข่าเสื่อมดีขึ้นได้ 

ที่สำคัญไมรอทนาโนสเปรย์ ผ่านการวิจัย และ การตรวจสอบประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน Diclofenac แล้วพบว่า“ตัวอนุภาคนาโนของ ไมรอทนาโนสเปรย์ มีความสามารถในการยับยั้งการอักเสบ ได้มากกว่า Diclofenac ถึง 80% และยับยั้ง Cox2 , PGE , IL1 , TNF และ อนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของอาการเข่าเสื่อม ปวดข้อเข่า เข่าบวม ข้อเข่าอักเสบ อย่างตรงจุด ครบทุกกลไกลึกถึงแก่นอีกด้วย” สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ


แชร์ได้เลยค่ะ
Shopping Cart
Scroll to Top