หากคุณเป็นนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็น นักวิ่ง นักฟุตบอล นักปั่นจักรยาน หรือ เป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย เป็นชีวิตจิตใจ แต่เกิดอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา จนไม่สามารถใช้งานหัวเข่า ได้อย่างคล่องตัว หากเป็นเช่นนี้แล้ว จำเป็นต้องรีบรักษาอาการเจ็บเข่า ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บเรื้อรัง หรือ อาการเข่าเสื่อม ในอนาคต ซึ่งหากอาการไม่รุนแรงมากนัก ก็สามารถรักษาอาการเจ็บเข่า ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกินยา ใช้ยาทาแก้ปวดหัวเข่า ยานวด สเปรย์ ฯลฯ
5 โรคที่พบบ่อย ของอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา
1. โรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ
โรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ เป็นโรคที่มักเกิดกับนักวิ่ง มักเรียกกันในหมู่นักวิ่งว่า โรค Runner’s knee ซึ่งเป็นการบาดเจ็บ บริเวณลูกสะบ้าหัวเข่า จึงทำให้วิ่งแล้วเจ็บเข่านั่นเอง โดยสาเหตุของอาการเจ็บหัวเข่าจากการวิ่ง จนทำให้เป็นโรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ มาจากท่าวิ่งที่ผิดวิธี เช่น วิ่งกระแทกส้นเท้า, วิ่งก้าวเท้ายาวเกินไป, วิ่งไขว้ขา, วิ่งอย่างหักโหม, ไม่ยืดเส้นก่อนวิ่ง เป็นต้น จนทำให้กล้ามเนื้อ และ กระดูก กระแทกกับลูกสะบ้าหัวเข่า จนลูกสะบ้า และ เส้นเอ็นลูกสะบ้าอักเสบ เกิดเป็นโรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบนั่นเอง
หากเป็นโรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ จะมีอาการได้ดังนี้
- วิ่งปวดเข่าด้านหน้า เพราะลูกสะบ้าเสียดสี กับ กระดูกต้นขานาน จนลูกสะบ้าอักเสบ
- วิ่งขึ้น – ลงจากที่สูง หรือ เดินขึ้น – ลงบันได จะเจ็บหัวเข่าด้านหน้า มากเป็นพิเศษ
- หากงอเข่า จะเจ็บหัวเข่าด้านหน้า
- หากเหยียดเข่า จะเจ็บหัวเข่าด้านหน้า ตึง ปวด ข้อขัด ฝืด
- เวลานั่งนานๆ แล้วลุกขึ้นยืน จะเจ็บหัวเข่าด้านหน้า
- เจ็บจี๊ดๆ เป็นๆ หายๆ เวลาวิ่ง หรือ ขยับท่าทาง
- เข่าล็อค หรือ ขยับเข่าไม่ได้
- หัวเข่าบวม แดง กรณีที่กระดูกอ่อนเข่าอักเสบอย่างหนัก
2. โรควิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก
อีกหนึ่งอาการเจ็บหัวเข่าจากการวิ่ง นั่นก็คือ อาการวิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก เรียกสั้นๆ ว่า อาการ ITB หรือ ITBS (Iliotibial Band Syndrome) เป็นการบาดเจ็บบริเวณ เส้นเอ็นข้างเข่าส่วนปลาย ที่ไปเสียดสีกับปุ่มกระดูกข้างเข่าบ่อย จนเกิดการอักเสบ เวลาวิ่งจะเจ็บเอ็นข้างเข่า หรือ วิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก บางครั้งจะรู้สึกเจ็บแปล๊บไปถึงต้นขา และ สะโพกได้ด้วย หากเป็นนักก็จะเกิดอาการเข่าบวมด้านข้าง นอกจากนี้อาการ ITB ยังพบบ่อยในหมู่นักปั่นจักรยานอีกด้วย
3. โรคข้อเข่านักกระโดด
โรคข้อเข่านักกระโดด (Jumper knee) เป็นอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา เช่น บาสเก็ตบอล วอลเล่ย์บอล กระโดดสูง ฟรีรันนิ่ง ฯลฯ ที่ต้องใช้แรงกระโดดสูง ซึ่งเกิดจากการกระชากของเส้นเอ็นใต้กระดูกลูกสะบ้า จากการหดตัวของกล้ามเนื้อต้นขาอย่างเร็ว และ แรง จนทำให้เส้นเอ็นฉีกขาด ในช่วงแรกจะไม่รู้สึกเจ็บหัวเข่า แต่หากปล่อยไว้นาน และยังคงเล่นกีฬาที่ต้องใช้การกระโดดซ้ำๆ เส้นเอ็นจะฉีกขาดมากขึ้น รู้สึกเจ็บหัวเข่ามากขึ้น แม้ไม้ได้ขยับเข่าก็ตาม
4. โรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ
โรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ (Osgood Schalatter) หรือ เข่าปูด เป็นอีกอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา ที่มักเกิดกับผู้ที่ชอบวิ่ง หรือ กระโดด เช่น นักแบดมินตัน นักบาสเกตบอล นักยิมนาสติก นักฟุตบอล โดยโรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ เกิดจากแรงดึงของเส้นเอ็น ที่ยึดอยู่กับกระดูกสะบ้าหัวเข่า และ กระดูกหน้าแข้ง ทำให้กระดูกหน้าเกิดรอยแยก ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บหัวเข่าที่ปุ่มกระดูกด้านหน้า กดแล้วเจ็บ เกิดการบวมใต้หัวเข่า
5. โรคเอ็นเข่าอักเสบ
โรคเอ็นเข่าอักเสบ (Tendinitis) เกิดจากเนื้อเยื่อที่ยึดระหว่างกล้ามเนื้อ กับ กระดูกหัวเข่าอักเสบเป็นแล้วจะรู้สึกปวดหัวเข่า เจ็บหัวเข่า เข่าบวม แดง หรือ มีรอยช้ำ โดยโรคเอ็นเข่าอักเสบ มักเกิดกับนักกีฬา ที่ใช้กำลังเข่าในการเล่น ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอล วิ่ง ตะกร้อ เทนนิส บาสเก็ตบอล ยกน้ำหนัก เป็นต้น
วิธีป้องกันอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา
อาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเป็น วิ่งปวดเข่าด้านหน้า วิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก เอ็นเข่าอักเสบ กล้ามเนื้อเข่า หน้าแข้งอักเสบ ฯลฯ เราสามารถป้องกัน ไม่ให้อาการเหล่านี้ เกิดขึ้นกับตัวเองได้ เช่น
- บริหารร่างกาย ยืดเส้นก่อนออกกำลังกาย หรือ เล่นกีฬา
- เสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย อย่างสม่ำเสมอ
- เลือกรองเท้า ให้เหมาะกับกีฬาที่เล่น และ เหมาะกับรูปเท้าของตัวเอง เช่น กีฬาวิ่ง ก็ควรเลือกรองเท้า สำหรับวิ่งโดยเฉพาะ ที่มีพื้นหนา รองรับแรงกระแทกได้ดี
- ไม่ควรหักโหมในการออกกำลังกาย หรือ เล่นกีฬา มากจนเกินไป เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
- ประคบเย็น หลังออกกำลังกายเสร็จ เพื่อป้องกันอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา แต่ถ้าหากเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว การประคบเย็นจะไม่ได้มีผล ในการลดอักเสบเท่าใดนัก การประคบเย็น เป็นเพียงการลดอาการเจ็บ ณ ขณะ เท่านั้น
- ใส่อุปกรณ์พยุงเข่า เพื่อป้องกันอาการวิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ หรือ เอ็นเข่าอักเสบ
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้หัวเข่า แบกรับน้ำหนักตัวมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ นั่งยอง นั่งคุกเข่า หรือ นั่งขัดสมาธิ
- ทานยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า หรือ ใช้สเปรย์สมุนไพร ที่สกัดจากสมุนไพร บำรุงหัวเข่าให้แข็งแรง
จริงหรือไม่? คอลลาเจนแก้ปวดเข่า ทำให้อาการเจ็บหัวเข่า หายไว
นักกีฬา หรือ คนชอบออกกำลังกายทั้งหลาย เวลาเกิดอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬาขึ้นมา ก็คงสรรหาสารพัดวิธี ในการรักษาอาการเจ็บเข่า ให้หายไวขึ้น เพื่อให้หัวเข่ากลับมาใช้งานได้อย่างปกติ ซึ่งการทานคอลลาเจนแก้ปวดเข่า ก็เป็นหนึ่งในทางเลือก ที่หลายคนเลือกทำ
แต่รู้หรือไม่ว่า จากข้อมูลที่ค้นพบนั้น งานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับคอลลาเจนประเภทที่ 2 (Collagen Type 2) เป็นข้อมูลที่พบเฉพาะงานวิจัยเพื่อการตลาด ของบริษัทขายวัตถุดิบในต่างประเทศ แต่ในทางการแพทย์ยังไม่มีงานวิจัยที่เชื่อถือได้ และมีข้อสังเกตว่า เมื่อทานคอลลาเจนแก้ปวดเข่าเข้าไปแล้ว คอลลาเจนจะถูกย่อยที่กระเพาะ เหมือนการทานอาหารประเภทโปรตีนทั่วไป ไม่ได้มีส่วนเข้าไปรักษาอาการเจ็บเข่า เอ็นเข่าอักเสบ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ข้อเข่าเสื่อม หรือ บำรุงข้อต่อของกระดูกหัวเข่าได้โดยตรง ดังนั้นจึงยังไม่มีข้อสรุปที่แท้จริงว่า คอลลาเจนแก้ปวดเข่า ให้ผลดีในการรักษาอาการเจ็บเข่าได้
เพราะเหตุใด? ฉีดยาเข้าข้อเข่า รักษาอาการเจ็บเข่า แต่ไม่หาย
หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่เคยฉีดยาเข้าข้อเข่าอย่าง คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เพื่อรักษาอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา แต่ก็ยังไม่หายสักที นั่นเป็นเพราะว่า การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ 1 ครั้ง ฤทธิ์ยาจะอยู่ได้แค่ 1 – 3 เดือน เท่านั้นเอง อีกทั้ง แพทย์แนะนำว่า ไม่ควรฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ เกิน 1 ครั้งในชีวิตด้วย เพราะคอร์ติโคสเตียรอยด์ มีฤทธิ์ไปกดไขกระดูก แถมยังเพิ่มโอกาสในการเป็นข้อเข่าเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะระบบภายในเข่า จะไม่สามารถซ่อมแซมตนเองได้ ตามธรรมชาติ ดังนั้นหากมีอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา แนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบไปฉีดยาเข้าข้อเข่า ให้ลองทานยา ประคบเย็น ประคบร้อน ใช้ยาทาแก้ปวดเข่า หรือ สเปรย์ รวมไปถึงพักการใช้งานเข่าไปก่อน หรือ บริหารกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับได้
ยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า ป้องกัน รักษาได้ ในคราวเดียว
ต้องเกริ่นก่อนว่า เมื่อเข่ามีการใช้งานหนัก บ่อยๆ จะเกิดกลไกการอักเสบ ที่เป็นต้นเหตุเริ่มต้นของ อาการ เจ็บเข่า ปวดเข่า หรือ พัฒนาไปเป็นเข่าเสื่อม ซึ่งกลไกการอักเสบ เซลล์ของร่างกายจะหลั่งสารอักเสบ หลายชนิดประกอบกัน ซึ่งความดีงามของยาสมุนไพร ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% สามารถให้ผล ในแง่การรักษา และ การบำรุงเข่าได้ด้วย ดังนั้นการทานยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกการรักษาอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา ที่เราอยากแนะนำ แต่คุณจำเป็นต้องคัดสรรในการเลือกยาสมุนไพร ที่สามารถรักษาอาการเจ็บเข่าได้จริง ลึกถึงกลไกภายใน เช่น ยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ที่มีทั้งชนิดทาน และ สเปรย์ใช้ภายนอก
โดยยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า หมออรรถวุฒิ มีผลวิจัยรองรับ ถึงประสิทธิภาพในการรักษาอาการเจ็บเข่าได้จริง ผ่านมาตรฐาน GMP มีการรับรองจาก อย. เป็นสูตรตำรับเฉพาะ สกัดบริสุทธิ์ ไม่ใช้ตัวทำละลายเคมี ทำให้ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ไม่ดื้อยาหลังเลิกใช้ สามารถยับยั้งกลไก การอักเสบได้อย่างลงลึก ส่งเสริมกันทุกกลไก ไม่ว่าจะเป็น COX2 , IL1 , TNF, PGE, อนุมูลอิสระ ฯลฯ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ตัวยา ดังนี้
1. ไมรอทนาโนสเปรย์ (Mirott Nano Spray)
ไมรอทนาโนสเปรย์ (Mirott Nano Spray) เป็นสเปรย์ยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า ที่ใช้ภายนอก สามารถรักษาอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา ได้เป็นอย่างดี เพราะ “ตัวอนุภาคนาโน ของไมรอทนาโนสเปรย์ มีความสามารถในการยับยั้งการอักเสบ ได้มากกว่า Diclofenac ถึง 80% และยับยั้ง Cox2 , PGE , IL1 , TNF และ อนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของอาการเจ็บหัวเข่า ปวด บวม ตึง เคล็ด เอ็นเข่าอักเสบ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ เข่าเสื่อม อย่างตรงจุด ครบทุกกลไกลึกถึงแก่น” ใครที่มักมีอาการเจ็บหัวเข่าจากการวิ่ง วิ่งปวดเข่าด้านหน้า วิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก ควรพกติดตัว เพราะยิ่งใช้ จะยิ่งทำให้กลไกภายในซ่อมแซมตัวเองได้ดีตามธรรมชาติ หัวเข่าแข็งแรงขึ้น อีกทั้งสามารถใช้ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อที่ปวด ทุกจุดของร่างกาย
โดยไมรอทนาโนสเปรย์ สกัดจากสมุนไพร มากถึง 7 ชนิด เช่น ไพล ขมิ้นชัน ขิง เถาวัลย์เปรียง เป็นนวัตกรรมนาโนโมเลกุล ใหม่ล่าสุด ของประเทศไทย ที่มีการพัฒนาอนุภาคนาโน NANOPi การกักเก็บสารสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ พัฒนาโดย สวทช. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ด้วยอนุภาคนาโนโมเลกุล จึงทำให้ตัวยา ซึมลึกผ่านผิวได้ง่าย ส่งตัวยาเข้ารักษาตรงจุด ดีกว่ายาทาแก้ปวดหัวเข่าที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป ที่ช่วยแค่ให้รู้สึกร้อน เย็น ชั่วคราว แต่ไม่ได้ซึมเข้ารักษาเหมือนไมรอทนาโนสเปรย์
2. ยาตรีโลก
นักกีฬา หรือ ผู้ที่ชอบออกกำลังกายหลายคน ที่ไม่ยืดเส้น หรือ ยืดเส้นไม่มากพอ ก่อนเล่นกีฬา ก็จะเกิดอาการเจ็บหัวเข่าได้ เพราะเส้นตึง มีลมในเส้นนั่นเอง ซึ่ง “ยาตรีโลก” เป็นยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า ที่ช่วยไล่ลม ขับลมในเส้น ตามหลักแพทย์แผนไทย จึงช่วยรักษาอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา รวมไปถึงอาการปวดต่างๆ ได้ทั้งร่างกาย โดยยาตรีโลก สกัดจากสมุนไพร 100% หลายชนิด เข่น
- สารสกัดสมอทั้ง 5 (สมอไทย สมอภิเภก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล)
- สารสกัดดอกคำฝอย
- สารสกัดดีปลี
- สารสกัดขิงแห้ง
- สารสกัดเจตมูลเพลิง
- สารสกัดกระวานเทศ
- สารสกัดทองพันชั่งดอกขาว และ ทองพันช่างดอกเหลือง เป็นต้น
3. ยากษัยเส้น
ยากษัยเส้น เป็นยาสมุนไพร แก้ปวดข้อเข่า ที่สกัดจากสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น
- เถาวัลย์เปรียงแดงสกัด และ เถาวัลย์เปรียงขาวสกัด : มีส่วนช่วยลดอาการเจ็บหัวเข่า จากการเล่นกีฬา ลดอาการปวดข้อเข่า เอ็นเข่าอักเสบ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ อาการชาปลายมือ ปลายเท้า
- โด่ไม่รู้ล้มสกัด : มีส่วนช่วยสร้างน้ำไขข้อ และคอลลาเจนใต้ไขข้อ ทำให้เคลื่อนไหวหัวเข่า ได้ดี ไม่ติดขัด ฝืด
- กำลังวัวเถลิงสกัด : มีส่วนช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เส้นเอ็นยืดหยุ่นได้ดี ป้องกันเอ็นเข่าอักเสบ
อีกทั้งยังช่วยรักษา และ ป้องกัน อาการวิ่งแล้วปวดเข่าด้านนอก โรคข้อเข่านักกระโดด โรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ลูกสะบ้าอักเสบ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเก๊าท์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ฯลฯ
โดยการทานยาสมุนไพร แก้ปวดเข่า หมออรรถวุฒิ และ การใช้ไมรอทนาโนสเปรย์ ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวยา ยิ่งใช้นาน จะยิ่งทำให้กลไกภายใน ซ่อมแซมตัวเองได้ดี หัวเข่าแข็งแรงขึ้นตามธรรมชาติ นอกจากนี้ควรระมัดระวังในการใช้เข่า ตอนออกกำลังกาย รวมถึงควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม สามารถคอมเม้นท์สอบถามได้ เรามีเภสัชกร และ ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพ