กระดูกอ่อนข้อเข่า (Articular Cartilage) หรือ กระดูกอ่อนผิวข้อ เป็นส่วนที่หุ้มอยู่บริเวณปลายข้อต่อ ของกระดูกต้นขา (Femur) กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) และ กระดูกสะบ้า (Patella) โดยกระดูกอ่อนข้อเข่า มีลักษณะเป็นผิวมันวาว มีความหนา มีส่วนช่วยทำให้เรา สามารถเคลื่อนไหวหัวเข่า ได้อย่างสะดวก และ ช่วยรองรับแรงกระแทก ภายในข้อเข่าด้วย แต่เมื่อใดที่กระดูกอ่อนเข่าอักเสบขึ้นมา จะส่งผลให้เราปวดหัวเข่า เจ็บเข่า ไปจนถึงขั้นเข่าเสื่อมได้
กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ คืออะไร
กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ คือ การที่กระดูกอ่อนข้อเข่าเสื่อมสภาพ จากผิวที่เป็นมันวาว กลับกลายเป็นผุกร่อน บางลง หากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นร่อง และ รอยลึก ไปถึงชั้นกระดูก ช่องว่างระหว่างข้อต่างๆ แคบลง อาการกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ มักพบที่บริเวณสะบ้าเข่า ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าหัวเข่า เนื่องจากเป็นส่วนที่ใช้งานหนักมากที่สุด ถูกเสียดสีบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย ลุกยืน นั่งคุกเข่า นั่งยอง นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ เป็นต้น
เจ็บเข่าด้านหน้า สัญญาณอาการกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ
อาการกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ สังเกตได้ไม่ยาก หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้
1. ปวดหัวเข่า หรือเจ็บเข่าด้านหน้า เป็นระยะ
2. วิ่งแล้วเจ็บเข่าด้านหน้า
3. เวลางอเข่า จะเจ็บหัวเข่าด้านหน้าเป็นพิเศษ
3. เจ็บเข่าแบบจี๊ดๆ เป็นๆ หายๆ เวลาเดินจะรู้สึกเสียวข้อเข่ามาก
4. ไม่สามารถเหยียดเข่า ได้อย่างทันที หรือ รู้สึกข้อฝืด ข้อติดขัด
5. เดินได้ช้าลง
6. มีเสียงดังในข้อเข่า
7. กรณีหัวเข่าอักเสบอย่างหนัก อาจทำให้เข่าบวมได้
ซึ่งอาการกระดูกอ่อนเข่าอักเสบนี้ อาจดูคล้ายกับโรคข้อเข่าเสื่อม เพราะนี่คืออาการเริ่มต้น ที่จะนำไปสู่โรคข้อเข่าเสื่อมได้นั่นเอง ดังนั้นเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าตัวเอง ปวดหัวเข่า วิ่งปวดเข่าด้านหน้า ให้รีบทำการรักษา ให้หายเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
คุณเข้าข่าย กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ หรือไม่?
หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่มีพฤติกรรมชีวิตประจำวันแบบนี้ และ มีอาการเจ็บเข่าด้านหน้าอยู่เสมอ คุณอาจเป็นคนหนึ่ง ที่กำลังประสบปัญหา กระดูกอ่อนเข่าอักเสบอยู่ก็เป็นได้ เพราะสาเหตุของกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ มีด้วยกันดังต่อไปนี้
1. เป็นนักวิ่ง หรือ ชอบออกกำลังกาย ด้วยการวิ่งเป็นประจำ
โรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ถือว่า เป็นโรคคู่ตัวนักวิ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการวิ่งต้องใช้แรงกดหัวเข่ามาก ส่งผลให้ ลูกสะบ้าหัวเข่าบาดเจ็บได้ ในช่วงแรกคุณอาจจะรู้สึกแค่ วิ่งปวดเข่าด้านหน้า ต่อมาจะรู้สึกว่า วิ่งแล้วเจ็บเข่าด้านหน้ามากขึ้น เมื่ออาการหนักเข้า ก็จะรู้สึกเหมือนคนเป็นหัวเข่าอักเสบ เนื่องจากกระดูกอ่อนเข่าอักเสบอยู่ภายในแล้ว เวลาขยับร่างกาย หรือเวลาขึ้น – ลงบันได ก็จะรู้สึกเจ็บเข่าด้านหน้ามากเป็นพิเศษ หรือ อาจมีเสียงดังในเข่าด้วย
2. การใช้งานหัวเข่าหนักมากเกินไป
การดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วยการใช้งานหัวเข่าหนักมากเกินไป ก็ส่งผลให้ข้อเข่าอักเสบ เจ็บเข่าด้านหน้า เป็นกระดูกอ่อนเข่าอักเสบได้ เช่น ยืนนาน ใส่ส้นสูงนาน นั่งพับเพียบนาน นั่งขัดสมาธินาน นั่งคุกเข่านาน การเดินขึ้น – ลงบันไดบ่อยๆ ในแต่ละวัน เป็นต้น
3. ทำงานยกของหนักทุกวัน
การทำงานยกของหนัก ส่งผลให้หัวเข่า ต้องแบกรับน้ำหนักมากเสมอๆ
4. ออกกำลังกายอย่างหนัก
การออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะกีฬา ที่ต้องใช้หัวเข่ามาก เช่น วิ่ง ฟุตบอล รักบี้ บาสเกตบอล มวย ฟรีรันนิ่ง ส่งผลให้ข้อเข่าอักเสบ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบได้เช่นกัน
5. น้ำหนักเกินมาตรฐาน
การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือ เป็นโรคอ้วน จะทำให้ปวดหัวเข่า เจ็บเข่าง่าย เนื่องจากหัวเข่าต้องแบกรับน้ำหนักตัว จำนวนมากนั่นเอง
6. เป็นเพศหญิง
ผู้หญิงมีความเสี่ยง ในการเป็นกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ มากกว่าผู้ชาย ประมาณ 2 เท่า เนื่องจากความแข็งแรง และ ความหนาของกระดูกอ่อนเข่า น้อยกว่า
7. กระดูกสะบ้าเข่าเอียง
การมีกระดูกสะบ้า ที่อยู่บริเวณด้านหน้าหัวเข่า เอียงผิดปกติ จะส่งผลให้เวลาเคลื่อนไหวร่างกาย ข้อเข่าจะถูกเสียดสีมากขึ้นกว่าเดิม เกิดกระดูกอ่อนเข่าอักเสบได้ง่ายขึ้น
8. มีปัญหาเท้าแบน
สำหรับใครที่มีปัญหาเท้าแบน ต้องระวังการเกิดโรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ มากเป็นพิเศษ เพราะปัญหาเท้าแบน จะส่งผลให้กระดูกสะบ้าหัวเข่าเอียง มากกว่าปกติ ในขณะเคลื่อนไหวร่างกาย
9. อายุมากขึ้น
อายุที่มากขึ้น ก็ส่งผลให้กระดูกอ่อนเข่าอักเสบได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็สามารถเป็นโรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบได้
10. เคยประสบอุบัติเหตุอย่างแรง เกี่ยวกับขา และ หัวเข่า
11. มีปัญหากล้ามเนื้อขาอ่อนแรง
ไม่อยากให้กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ต้องป้องกัน
แม้ว่าอุบัติเหตุ จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ และป้องกันได้ แต่เรื่องอื่นๆ เราสามารถป้องกันได้ ดังนั้นหากไม่อยากให้กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ คุณสามารถป้องกันได้ดังต่อไปนี้
1. รักษาน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อป้องกันการปวดหัวเข่า และ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ
2. หลีกเลี่ยงการยืน นั่งคุกเข่า นั่งยอง นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ติดต่อกันนานๆ
3. ไม่แบกของหนัก มากจนเกินไป หากต้องทำงานแบกหาม ก็ควรหาผ้ารัดหัวเข่ามาใช้ เพื่อพยุงไม่ให้ปวดหัวเข่า หรือ เจ็บเข่า
4. วอร์มร่างกายก่อนการวิ่ง หรือ ออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้ข้อเข่ายึดติด และ กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ
5. หากวิ่งปวดเข่าด้านหน้า เจ็บเข่าด้านหน้า หลังวิ่งเสร็จแล้ว ให้ประคบเย็น
6. บริหารเข่า เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวเข่าแข็งแรง ด้วยท่าบริหารที่เหมาะสม เช่น
- นั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงครึ่งก้น แล้วลุกยืน-นั่ง สลับไปมา 10 ครั้ง ครั้งละ 2 – 3 รอบ โดยท่าบริหารเข่านี้ ช่วยเพิ่มความมั่นคง และ ความคล่องตัวของข้อเข่า
- นอนหงาย แล้วใช้หมอนใบเล็กหนุนไว้ บริเวณน่องใต้เข่า โดยให้เข่างอประมาณ 15 องศา จากนั้นเหยียดเข่าให้ตึง พร้อมกระดกข้อเท้าขึ้น เกร็งไว้ 10 วินาที ทำท่านี้ประมาณ 10 ครั้ง สลับข้างซ้าย – ขวา ครั้งละ 2 – 3 รอบ ท่านี้เหมาะสำหรับ คนที่ปวดหัวเข่าบ่อย สามารถป้องกันข้อเข่ายึดติดได้
7. รับประทานอาหารบำรุงกระดูก
เราสามารถเลือกรับประทานอาหาร เพื่อเป็นการบำรุงกระดูก และ ข้อเข่า ให้แข็งแรงได้ ไม่ว่าจะเป็น
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม, ถั่วเหลือง, เต้าหู้, งาดำ, อัลมอนด์, ปลาตัวเล็ก
- อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า
- อาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ตำลึง, บล็อกโคลี, ฟักทอง, แครอท, ข้าวโพด, มะเขือเทศ
- อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม, สับปะรด, ฝรั่ง, มะละกอสุก, สตรอว์เบอร์รี
- อาหารที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ เช่น เชอร์รี่, บลูเบอร์รี่, แบล็คเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, แอพริคอต, หัวหอม, มะกรูด มะเขือเทศ
8. รับประทานสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยหลายชนิด มีคุณสมบัติในการบำรุงกระดูก ข้อเข่า ไม่ทำให้ปวดเข่า หรือ เจ็บเข่าได้ ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ประกอบอาหาร ได้หลากหลายเมนู เช่น
- ขิง ที่มีคุณสมบัติรักษากระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ข้อเข่าอักเสบ เอ็นเข่าอักเสบ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ด้วย จากผลงานวิจัยในหัวข้อ “Effects of a Ginger Extract on Knee Pain in Patients With Osteoarthritis” โดย R. D. Altman และ K. C. Marcussen ยังมีการยืนยันอีกว่า “สารสกัดจากขิง มีประสิทธิภาพในการลดอาการข้อเข่าเสื่อม และอาการปวดหัวเข่าได้จริง” (Ref. ARTHRITIS & RHEUMATISM Vol. 44, No. 11, November 2001, pp 2531–2538 © 2001, American College of Rheumatology Published by Wiley-Liss, Inc.)
- ดอกคำฝอย ที่นิยมนำมาต้มเป็นเครื่องดื่ม มีส่วนช่วยทำให้ ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยไล่ลมต่างๆ ในร่างกาย ตามหลักแพทย์แผนไทย ป้องกันการเกิดโรคกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ เอ็นเข่าอักเสบ ปวดหัวเข่า เจ็บเข่าได้เป็นอย่างดี
กระดูกอ่อนเข่าอักเสบรักษาด้วยตัวเองได้
กระดูกอ่อนเข่าอักเสบรักษาได้ และ ง่ายกว่าโรคข้อเข่าเสื่อมด้วย ซึ่งเราสามารถรักษากระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ได้ด้วยตัวเอง เมื่อรู้สึกขยับเข่าแล้วเจ็บเข่าด้านหน้าบ่อยๆ หรือ วิ่งแล้วเจ็บเข่าด้านหน้าบ่อยๆ ให้หยุดพักจากการวิ่ง แล้วประคบเย็น จากนั้นให้หยุดพักการออกกำลังกายไปสักระยะ เพื่อให้หัวเข่าได้พักจากการออกแรงอย่างหนัก
จากนั้นให้ “รับประทานยาสมุนไพร สกัดจากธรรมชาติ 100%” เพื่อรักษา เนื่องจากกระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ต้องได้รับการฟื้นฟูระยะยาว การรับประทานยาเคมี อาจไม่ตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ทั้งหมด เพราะหากรับประทานยาเคมี ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลต่ออวัยวะภายใน ให้ทำงานหนัก และ เกิดสารเคมีตกค้างในร่างกายได้ ที่สำคัญยาสมุนไพรไทย มีประสิทธิภาพในการรักษาได้จริง มีผลวิจัยรองรับ เพียงแต่ต้องเลือกผู้ผลิต ที่มีความน่าเชื่อถือ เท่านั้นเอง
ยาสมุนไพรไทย จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ คือ หนึ่งในแบรนด์ยาสมุนไพร อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมมายาวนานมากกว่า 30 ปี ได้รับการันตีจาก อย. และกระบวนการผลิตมาตรฐาน (GMP) โดย 3 ยาสมุนไพรสกัด จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ ที่มีประสิทธิภาพในการรักษากระดูกอ่อนเข่าอักเสบได้ มีดังนี้
1. ยากษัยเส้น
ยากษัยเส้น จากศูนย์แพทย์แผนไทย หมออรรถวุฒิ มีประสิทธิภาพในการรักษากระดูกอ่อนเข่าอักเสบ เอ็นเข่าอักเสบ ข้อเข่าเสื่อม แก้ปวดหัวเข่า ปวดกระดูก กระดูกทับเส้น หมอนรองกระดูกเสื่อมได้จริง มีส่วนช่วยให้อาการเจ็บเข่าด้านหน้าดีขึ้น แก้จากต้นเหตุ ให้ดีขึ้น แข็งแรง เพราะเป็นตำรับที่รักษาโรคเกี่ยวกับข้อ กระดูก เส้นเอ็นโดยเฉพาะ ลิขสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 100% เช่น
- เถาวัลย์เปรียงแดง และ เถาวัลย์เปรียงขาวสกัด
- โด่ไม่รู้ล้มสกัด
- ทองพันชั่งดอกเหลืองสกัด
- กำแพงเจ็ดชั้นสกัด
- เถาโคคลานสกัด
- กำลังวัวเถลิงสกัด
2. ยาตรีโลก
หากอยากให้อาการปวดหัวเข่า เจ็บเข่าหายไวๆ ต้องทำการไล่ลมในเส้น ซึ่งยาตรีโลก เป็นยาสมุนไพรไทย ที่สามารถไล่ลมในเส้น และ ฟื้นฟูเส้นประสาท ตามหลักแพทย์แผนไทยได้ หากรับประทานคู่กับยากษัยเส้น ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพการรักษากระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ให้ดีขึ้นได้ไว อาการปวดหัวเข่า เจ็บเข่าน้อยลง อย่างแน่นอน มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไพร หลากหลายชนิด เช่น
- สารสกัดสมอทั้ง 5 (สมอไทย สมอภิเภก สมอเทศ สมอดีงู สมอทะเล)
- สารสกัดดอกคำฝอย
- สารสกัดดีปลี
- สารสกัดขิงแห้ง
- สารสกัดเจตมูลเพลิง
- สารสกัดกระวานเทศ
- สารสกัดทองพันชั่งดอกขาว และ ทองพันช่างดอกเหลือง เป็นต้น
3. ไมรอทนาโนสเปรย์
“ไมรอทนาโนสเปรย์” (Mirott Nano Spray) เป็นสเปรย์สมุนไพรใช้ภายนอก เป็นการพัฒนาอนุภาคนาโน NANOPi การกักเก็บสารสกัดสมุนไพร เช่น
- ไพร
- ขมิ้นชัน
- ขิง
- เถาวัลย์เปรียง
ซึ่งเป็นสเปรย์นวัตกรรมนาโนโมเลกุล ใหม่ล่าสุด ของประเทศไทย ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ง่าย ผ่านการวิจัยและการตรวจสอบประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน Diclofenac แล้วพบว่า “ตัวอนุภาคนาโนของ ไมรอทนาโนสเปรย์ มีความสามารถในการยับยั้งการอักเสบ ได้มากกว่า Diclofenac ถึง 80% สามารถต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวเข่า เจ็บเข่า เข่าอักเสบ เข่าเสื่อม กระดูกอ่อนเข่าอักเสบ ได้มากถึง 80% อีกด้วย”
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักวิ่ง ผู้ที่ชอบออกกำลังกาย ที่มักจะมีอาการเจ็บเข่าด้านหน้า รวมไปถึงสาวออฟฟิศ ที่ต้องใส่ส้นสูงนานๆ และผู้สูงอายุ ที่มักปวดหัวเข่าเป็นประจำ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่